http://www.kruaon.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 เกียวกับเรา

 ขันตอนการสอน

 หลักสูตร

 ประกันภัย

 ยินดีต้อนรับสู้เว็บครูอ๊อต                        



เน้นการขับบนถนนจริง 

สอนมารยาทและกฎจราจรในการขับรถประจำวัน เพื่อผู้เรียนสามารถขับรถ    ได้อย่างถูกวิธีในการจราจรจริง                

 ปลอดภัยตลอดการเรียนรู้    ด้วยการดูแลของครู้ผู้สอน ใกล้ชิด  ติดตั้งเบรคด้านครูผู้ฝึกสอนและการประกันภัยรถยนต์  

ดูแลการสอบใบอนุญาตขับขี่รถยนต์  สอนท่าสอบจริง แนะนำหลักการที่พัฒนาได้ผลจริง แนะแนวข้อสอบ


 กดลิงก์เว็บ   http://www.kruaos.com     
  
 กดลิงก์.
  มีครูสุภาพสตรีครูอ้อน  บริหารงานโดย ครูอ๊อต (เจ้าของสอนเอง)
 ขอขอบคุณที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านตลอดขอรับรองผลในการสอน  และสอบใบอนุญาต               
 ได้เปิดสอนมาเป็นเวลานานกว่า 29 ปี รถที่ใช้สอน TOYOTA NEW VOIOS และ…HYUNDAI
                                  สอนโดย ครูอ๊อตและครูอ้อน เจ้าของสอนเอง 
 วันละ 2 ชม.  จันทร์, อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี ปิดสอนเวลา  9.00 น-21.00
 เรียนวันเสาร์-อาทิตย์  เปิดสอน เวลา  9.00 น- 21.00 น  โทร.02-411-3871--089-484-3297

หมวด กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ในขณะขับรถผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถใช้คู่กับใบอนุญาต   ขับรถ

    ผู้ขับรถกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบกและได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจร ต้องไปติดต่อชำระค่าปรับภายใน วัน

  เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหายหรือชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน

  ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดจำคุกไม่เกิน เดือน หรือปรับไม่เกิน1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุ ปี

  ผู้ขับรถใช้ใบอนุญาตขับรถที่สิ้นอายุ มีความผิดปรับไม่เกิน 2,000 บาท

 รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ ต่อเดือน

 การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน

 การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน วัน

 การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (ปี) สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ 3เดือน

 รถยนต์ที่มีอายุครบ ปี ต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี

 การย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน

 รถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบ ปี ต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี

 ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถ" หมายถึง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

 ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถยนต์" หมายถึง รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล

 ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถจักรยานยนต์" หมายถึง รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ ถ้ามีถ่วงข้างมีล้ออีกไม่เกินหนึ่งล้อรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล  ไม่ใช่ "รถยนต์รับจ้างสาธารณะ"

 ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถยนต์บริการ" หมายถึง รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน

 รถจัการยานยต์ส่วนบุคคล คือ "รถยนต์ส่วนบุคคล"รถที่นำมาใช้บนถนนต้องจดทะเบียนและชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว

 รถที่สามารถนำมาจดทะเบียนต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้องและผ่านการตรวจสภาพรถ

 รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

 รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

 รถได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน ได้แก่ รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด

 รถที่เจ้าของรถแจ้งการไม่ใช้รถ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

 

  • รถที่ผู้ผลิตหรือประกอบเพื่อจำหน่ายหรือที่ผู้นำเข้าเพื่อจำหน่าย ผลิต ประกอบหรือนำเจ้า และยังมิได้จำหน่ายให้แก่ผู้อื่นได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

 

  • รถดับเพลิง ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • รถของกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เฉพาะรถที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถมิได้ใช้ในทางการค้าหรือกำไร

 

  • รถบดของรัฐวิสาหกิจ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • รถแทรกเตอร์ของรัฐวิสาหกิจ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • รถของสภากาชาดไทย ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • รถดับเพลิงของ อบต. ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

 

  • ประสงค์จดทะเบียนรถต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา

 

  • รถที่จดทะเบียนแล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนสีรถต้องดำเนินการแจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วัน

 

  • หากประสงค์เปลี่ยนแปลงตัวถังรถต้องดำเนินการขออนุญาตนายทะเบียน ตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียนรถ

 

  • ผู้ตรวจการตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คือ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง

 

  • หากประสงค์จะย้ายรถ เจ้าของรถต้องแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน

 

  • กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มีความผิด ต้องชำระค่าปรับแจ้งย้ายเกินกำหนด

 

  • หากประสงค์จะโอนรถเจ้าของรถต้องแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน

 

  • กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มีความผิด ต้องชำระค่าปรับโอนเกินกำหนด

 

  • รถยนต์ส่วนบุคคล นำมาใช้รับจ้างไม่ได้

 

  • นาย ก นำรถจักรยานยนต์สาธารณะของตนเองรับส่งภรรยาไปตลาดได้เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะสามารถนำมาใช้กิจการส่วนตัวของเจ้าของรถได้

 

  • รถจักรยานยนต์สาธารณะใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้

 

  • รถยนต์ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (ป้ายแดง) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขับได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก

 

  • รถที่ไม่ได้เสียภาษีภายในเวลาที่กำหนดต้องชำระเงินเพิ่มร้อยละ 1 บาทต่อเดือน

 

  • รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี จะมีผลตามกฎหมาย คือ ทะเบียนระงับ

 

  • รถยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

 

  • รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

 

  • ในขณะขับรถ ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ

 

  • ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลได้

 

  • ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้

 

  • ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

 

  • ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวมีอายุ 1 ปี

 

  • หากประสงค์จะเปลี่ยนประเภทใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นประเภทส่วนบุคคลชนิด 5 ปี สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 60 วัน

 

  • ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชนิด 5 ปีต่ออายุล่วงหน้า 3 เดือน

 

  • นาย ก เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว จะต้องไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งจังหวัด และสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา ทุกแห่ง

 

  • ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วราวต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์

 

  • นายชาย พิการไม่มีนิ้วมือข้างซ้าย ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราวได้ เพราะ ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้

 

  • นายชาย ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้ สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถได้

 

  • นายแดง ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ต้องได้รับใบอนุญาตขับรถมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้และไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน

 

  • ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร

 

  • ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษและมีสัญชาติไทย

 

  • หากปรากฏภายหลังว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตขับรถ จะต้องแจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตและนำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืนกรมการขนส่งทางบก

 

  • กรณีถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน

 

  • กรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน

 

  • กรณีถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน

 

  • ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต้องส่งคืนใบอนุญาตขับรถให้แก่นายทะเบียนภายใน 15 วัน

 

  • ใบอนุญาตขับรถสูญหายต้องแจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น

 

  • ใบอนุญาตขับรถชำรุดในสาระสำคัญต้องแจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น

 

  • เมื่อกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และได้รับคำสั่งผู้ตรวจการรถยนต์ให้ไปรายงานตัวผู้ขับรถจะต้องไปรายงานตัวต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน

 

  • ผู้ขับรถยนต์สาธารณะสามารถปฎิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้กรณีผู้โดยสารเมาสุรา ผู้โดยสารนำทุเรียนส่งกลิ่นขึ้นมาบนรถและผู้โดยสารเป็นบุคคลวิกลจริต

 

  • ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องพาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้

 

  • ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องพาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่สั้นที่สุด

 

  • ผู้ขับรถผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่สูบบุหรี่

 

  • ผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่ทำตนน่าลำคาญ

 

  • ผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี

 

  • ผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่ก้าวร้าว ดูหมิ่นผู้โดยสาร

 

  • ในขับรถผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่เสพสุราของมึนเมา

 

  • ผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่เสพยาเสพติดให้โทษ

 

  • ผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท

 

  • ผู้ขับรถสาธารณะต้องไม่ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ

 

  • ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

  • ผู้ใดขับรถโดยใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุมีโทษ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

 

  • นาย ก ใช้รถยนต์มาแล้วเป็นปีที่ 6 ประสงค์จะเสียภาษีรถประจำปีต้องใช้ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ในการชำระภาษี

 

  • เมื่อรถทะเบียนระงับ หากประสงค์จะจดทะเบียนรถใหม่ต้องนำรถไปตรวจสภาพรถที่สำนักงานขนส่งจังหวัดในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ

 

  • ประกันภัยชนิด คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ใช้ประกอบการต่ออายุภาษีประจำปี

หมวด กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก

  • การขับรถผ่านทางร่วมทางแยก ท่านต้องปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
  • ผู้ขับขี่ที่ต้องการเลี้ยวรถต้องชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
  • การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องหยุดหลังเส้นแนวหยุด
  • บริเวณที่ห้ามแซง ได้แก่ บริเวณทางโค้งรัศมีแคบ  ส่วนบริเวณที่ผู้ขับขี่สามารถแซงได้ คือ บริเวณทางตรง  ทางโล่ง ทางที่ปลอดภัย  ทั้งนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังขณะแซงด้วย
  • การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกิน 25 เซนติเมตร
  • การขับรถแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านขวามือ ยกเว้นกรณีที่เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา ผู้ขับขี่จึงสามารถแซงด้านซ้ายมือได้
  • รถที่สามารถนำมาใช้ในทางได้ต้องเป็นรถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว มีการติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด และมีอุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน
  • รถที่ห้ามนำมาใช้ในทาง เช่น รถที่ขาดต่อภาษี รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด  รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง และรถที่แจ้งเลิกใช้ตลอดไป เป็นต้น
  • เขตปลอดภัย หมายถึง พื้นที่ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลาสำหรับให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป
  • รถที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้ต้องเป็นรถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ 80 เดซิเบล  ห้ามนำรถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด  รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ หรือรถที่มีล้อไม่ใช่ยาง มาใช้ในทาง
  • สัญญาณจราจรไฟสีแดงที่ทำเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ หมายถึง ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในช่องเดินรถนั้น
  • เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านหลังของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

 

  • เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่ามือขึ้น ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

 

  •  การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
  • การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลือง ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
  •  ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีที่ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง ผู้ขับขี่จึงจะสามารถเดินรถทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้
  • การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกตัวรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง หมายถึงผู้ขับขี่นั้นต้องการจะลดความเร็วของรถ

 

 

  • ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าในระยะที่จะสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น ไม่ได้กำหนดระยะห่างที่ชัดเจน เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพความหนาแน่นของการจราจร และสมรรถนะของรถที่ขับ
  • ผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวซ้ายต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
  •  ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร
  • ในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องให้ขับรถชิดด้านซ้าย
  • ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก ฝุ่น ฝน หรือควัน จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ 60 เมตร
  • บริเวณที่ห้ามขับรถแซงรถคันอื่น เช่น ทางโค้งรัศมีแคบ  ทางร่วมทางแยก สะพานเดินรถทางเดียว  ห้ามแซงรถในอุโมงค์
  • บริเวณที่กฎหมายจราจรยอมให้ขับรถแซงรถคันอื่น เช่น ในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง  หรือในระยะ 150 เมตร จากทางร่วมทางแยก หรือแซงด้านซ้ายในขณะที่มีรถรอเลี้ยวขวา  หรือบนพื้นทางที่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้
  • ในระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน ผู้ขับรถสามารถกลับรถได้โดยใช้ความระมัดระวังด้วย
  • ส่วนบริเวณที่ห้ามกลับรถ ได้แก่ บริเวณทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ บริเวณบนสะพาน และบริเวณเขตปลอดภัย
  • เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมาย "เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด" ผู้ขับขี่ควรหยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
  • ผู้ที่มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ได้แก่  พนักงานจราจร  และผู้ขับขี่ยานพาหนะ  ส่วนคนเดินเท้าไม่มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจร
  • ผู้ขับรถต้องไม่จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก  แต่เมื่อถึงบริเวณวงเวียนต้องลดความเร็ว หรือเมื่อเห็นคนกำลังข้ามถนน ตลอดจนลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
  • เมื่อจะเปลี่ยนช่องทางหรือแซงรถทุกครั้ง ผู้ขับรถต้องให้สัญญาณไฟหรือสัญญาณแตร  ต้องไม่รีบเปลี่ยนช่องทางโดยเร็ว   หรือแซงขึ้นหน้าแล้วเหยียบเบรกทันที  หรือรีบเร่งเครื่องแซงโดยเร็ว
  • รถ ได้แก่ บริเวณที่มีป้ายห้ามหยุดรถ  ในอุโมงค์  บริเวณทางร่วมทางแยก
  • ข้อปฏิบัติในการขับรถที่ถูกต้อง คือ ผู้ขับรถต้องขับรถเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
  • ห้ามขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร หรือขับรถลักษณะผิดปกติวิสัย
  • เมื่อถึงทางรถไฟและมีรถไฟกำลังแล่นผ่าน ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร  อย่าขับรถผ่านไปโดยเร็ว  หรือให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไป  และไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฉุกเฉิน
  • บริเวณที่ผู้ขับรถไม่ควรใช้สัญญาณเสียงแตร ได้แก่ โรงเรียน สถานที่ราชการ โรงพยาบาล
  • ส่วนบริเวณที่ผู้ขับรถสามารถใช้สัญญาณเสียงแตรได้ ได้แก่ สวนสาธารณะ 
  • เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่หลบหนีจะมีผลให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
  • ผู้ขับรถยังสามารถใช้สัญญาณเสียงแตรได้เมื่อจำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แต่ไม่ควรใช้เมื่อเห็นรถคันข้างหน้าขับช้า
  • ขณะขับขี่รถต้องเว้นระยะห่างรถคันหน้าในระยะที่ปลอดภัย
  •  ก่อนเลี้ยวรถต้องเข้าช่องทางที่จะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวก่อนเลี้ยวรถในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร  เพื่อให้ผู้ที่ขับตามหลังมาทราบ
  • ผู้ขับรถที่ดื่มสุรา เมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ส่วนผู้ขับรถยนต์สาธารณะ ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก ขณะขับรถต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจเท่ากับศูนย์เท่านั้น
  • ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ในเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ผู้ขับรถตามกฎหมายรถยนต์ต้องขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ผู้ขับรถตามกฎหมายรถยนต์ต้องขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ในการให้สัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องให้ผู้ขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร
  • การให้สัญญาณมือ ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถจะต้องให้สัญญาณมือด้วยมือขวาเท่านั้น
  •   บริเวณทางร่วมทางแยกและมีเครื่องหมายห้ามกลับรถแต่เจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้กลับรถได้ผู้ขับขี่ก็สามารถกลับรถได้ เนื่องจากผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณของเจ้าพนักงาน
  • ผู้ขับขี่ที่ต้องการกลับรถต้องสังเกตป้ายจราจรที่อนุญาตให้กลับรถและเข้าช่องทางให้ถูกต้อง  ห้ามกลับรถขณะเข้าช่องทางที่มีลุกศรบนพื้นถนนให้ตรงไป หรือกลับรถที่บริเวณเส้นทะแยงเหลือง
  • การปฏิบัติที่ถูกต้องขอรถจักรยานยนต์ คือ รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุด
  • ในช่องทางเดินรถตั้งแต่สองช่องทางขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
  • ผู้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยขณะโดยสารรถจักรยานยนต์ คือ ภิกษุ สามเณร
  • ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องในการใช้ไฟฉุกเฉิน คือ ใช้ไฟฉุกเฉินเมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ
  • ในการบรรทุกสิ่งของ ผู้ขับขี่ต้องบรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหลังไม่เกิน 2.50 เมตร
  • การลากจูงรถที่ไม่สามารถใช้พวงมาลัยหรือเบรกได้ ควรใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป
  •  รถที่มีความเร็วช้า ผู้ขับขี่จะต้องขับรถชิดขอบด้านซ้าย

หมวด เครื่องหมายพื้นทาง

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลงถ้าเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางข้างหน้า ต้องหยุดรถก่อนถึงเส้นให้ทาง

 

  • เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายเส้นชะลอความเร็ว

 

 

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า รถที่อยู่ด้านเส้นทึบห้ามผ่านหรือคร่อมเส้นทึบ แต่รถที่อยู่ด้านเส้นประอาจแซงได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัย

 

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนช่องเดินรถหรือช่องจราจร หรือสามารถแซงได้

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ให้ผู้ขับขี่ขับรถให้ช้าลง หากเห็นรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า ต้องหยุดรถก่อนถึงแนวเส้นให้ทาง

 

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนถึงเส้นแนวหยุดหรือเส้นให้ทาง เพื่อให้คนเดินเท้าข้ามทางผ่านไปก่อน

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ให้ผู้ขับขี่ขับรถภายในช่องจราจร ห้ามแซง ห้ามขับรถผ่านหรือคร่อมเส้นโดยเด็ดขาด

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ให้ผู้ขับขี่ขับรถในช่องการจราจร ห้ามคร่อมเส้น แต่แซงได้

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนถึงแนวเส้นขวางทุกครั้ง

 

  • เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายเขตปลอดภัย


 

 

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามหยุดรถทุกชนิดภายในกรอบเส้นทะแยงห้ามหยุดรถ ยกเว้นรถที่หยุดรอเพื่อเลี้ยวขวา


หมวด ป้ายบังคับ

  • ป้ายห้ามแซง เมื่อพบเครื่องหมายห้ามแซง ห้ามผู้ขับขี่ขับแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นในเขตทางที่ติดตั้งป้าย

 

  • ป้ายห้ามเข้า เมื่อพบเครื่องหมายห้ามเข้า ห้ามขับรถทุกชนิดเข้าไปในทิศทางที่ติดตั้งป้าย

 

  • ป้ายห้ามกลับรถไปทางขวา เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามกลับรถไปทางขวา

 

  • ป้ายห้ามกลับรถไปทางซ้าย เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามกลับรถไปทางซ้าย

 

  • ป้ายห้ามเลี้ยวซ้าย เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามเลี้ยวซ้าย

 

  • ป้ายห้ามเลี้ยวขวา เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามเลี้ยวขวา

 

  • ป้ายห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา

 

  • ป้ายห้ามเลี้ยวขวาหรือกลับรถ เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามเลี้ยวขวาหรือกลับรถ

 

  • ป้ายห้ามเลี้ยวซ้านหรือกลับรถ เครื่องหมายนี้ คือ ห้ามเลี้ยวซ้ายหรือกลับรถ

 

  • ป้ายห้ามรถยนต์ผ่าน เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามรถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย

 

  • ป้ายห้ามรถบรรทุกผ่าน เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามรถบรรทุกทุกชนิดผ่านเข้าออกในเขตทางที่ติดตั้งป้าย

 

  • ป้ายห้ามรถจักรยานยนต์ผ่าน เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามรถจักรยานยนต์ผ่าน

 

  • ป้ายห้ามรถจักรยานยนต์และรถยนต์ผ่าน เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามรถจักรยานยนต์และรถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าออก

 

  • ป้ายห้ามใช้เสียง เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายห้ามใช้เสียง

 

  • ป้ายห้ามจอด เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายห้ามจอดรถทุกชนิด

 

  • ป้ายห้ามหยุดรถ เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายห้ามหยุดหรือจอดรถทุกชนิด

 

  • ป้ายเฉพาะคนเดิน เครื่องหมายนี้ หมายความว่า เส้นทางนั้นให้เฉพาะคนเดิน

 

  • ป้ายจำกัดความเร็ว เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามใช้ความเร็วเกินกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

  • ป้ายห้ามรถหนักเกินกำหนดผ่าน เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ห้ามรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 10 ตัน ผ่านเข้าออก

 

  • ป้ายหยุด เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องหยุดให้รถและคนเดินเท้าในทางขวางหน้าผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว จึงขับรถต่อไปได้

 

  • ป้ายให้ทาง เครื่องหมายบังคับให้ทาง หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องให้ทางแก่รถหรือคนเดินเท้าบนทางขวางข้างหน้าผ่านไปก่อน

 

  • ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถตรงตำแหน่งที่ติดตั้งป้ายและให้รถที่กำลังสวนทางมาผ่านไปก่อน

 

  • ป้ายให้รถเดินทางเดียว เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ต้องขับรถตรงไปตามทิศทางที่ป้ายกำหนดเป็นทางเดินรถทางเดียวเท่านั้น

 

  • ป้ายให้เดินรถทางเดียวไปทางซ้าย เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางข้างหน้าเป็นทางบังคับให้เดินรถทางเดียวไปทางซ้ายเท่านั้น

 

  • ป้ายให้เดินรถทางเดียวไปทางขวา เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถผ่านไปทางด้านขวาของป้าย

 

  • ป้ายให้ชิดซ้าย เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถผ่านไปทางด้านซ้ายของป้าย

 

  • ป้ายให้ชิดขวา เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถผ่านไปทางด้านขวาของป้าย

 

  • ป้ายให้ชิดซ้ายหรือขวา เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ให้ขับขี่ชิดซ้ายหรือชิดขวา

 

  • ป้ายให้เลี้ยวขวา เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ให้เลี้ยวซ้าย

 

  • ป้ายให้เลี้ยวซ้าย เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ให้เลี้ยวขวา

 

  • ป้ายให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา

 

  • ป้ายให้ตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ให้ตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย

 

  • ป้ายให้ตรงไปหรือเลี้ยวขวา เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายให้ตรงไปหรือเลี้ยวขวา

 

  • ป้ายวงเวียน เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมายนี้ ให้ผู้ขับขี่รถทุกชนิดต้องขับรถวนทางซ้ายของวงเวียนและหยุดรอให้รถที่แล่นอยู่ในทางรอบบริเวณวงเวียนผ่านไปก่อน

 

  • ป้ายช่องเดินรถประจำทาง เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ห้ามแซงล้ำเข้าไปในช่องเดินรถประจำทาง

 

  • ป้ายช่องเดินรถมวลชน เมื่อพบเครื่องหมายนี้ แสดงว่าช่องเดินรถนั้น ให้เฉพาะรถที่มีคนนั่งไม่น้อยกว่า 3 คน สามารถเข้าวิ่งในช่องเดินรถนั้นได้

 

  • ป้ายช่องเดินรถจักรยานยนต์ เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายช่องเดินรถจักรยานยนต์

 

  • ป้ายสุดเขตบังคับ เครื่องหมายนี้ คือ เครื่องหมายสุดเขตบังคับ


หมวด ป้ายเตือน

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องขับรถช้าลง และระมัดระวังคนงานกำลังทำงาน อาจมีวัสดุอุปกรณ์วางบนผิดจราจร

 

  •  เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลงและระมัดระวัง ทางข้างหน้ากำลังมีงานสำรวจอยู่บนผิวจราจรหรือทางเดินรถ

  

  •  เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง

 

 

  •  เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าต้องใช้ทางเบี่ยงด้านซ้าย

 

  •  เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าต้องใช้ทางเบี่ยงด้านขวา

 

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง                                    

                                             

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งรัศมีแคบไปทางขวา          

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง                                    

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีทางโทแยกไปทางซ้าย                                                                                                  

                                            

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีทางโทแยกไปทางขวา                                      

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางโทแยกทางเอกเยื้องกัน เริ่มซ้าย                                         

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางโทแยกทางเอกเยื้องกัน เริ่มขวา                                         

 

  • เครื่องหมายนี้ หมายถึงทางโทเชื่อมทางเอกจากซ้าย                                            

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายถึงทางโทเชื่อมทางเอกจากขวา                                             

                                   

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางโทแยกทางเอกจากซ้าย รูปตัววาย                                      

 

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางโทแยกทางเอกจากขวา รูปตัววาย                                       

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางข้างหน้าจะเป็นทางแยก มีวงเวียน                                       

                       

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า  ทางข้างหน้าแคบลงกว่าทางที่กำลังผ่านทั้งสองด้าน                      

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางแคบด้านซ้าย                                        

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ทางแคบด้านขวา                                        

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง อันตรายจากรถที่สวนมาจากอีกฝั่งหนึ่งของสะพาน                                               

                       

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ช่องจราจรปิดด้านซ้าย                                              

                       

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่า ช่องจราจรปิดด้านขวา                                                          

 

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และสังเกตดูรถไฟทั้งทางขวาและทางซ้าย ถ้ามีรถไฟกำลังจะผ่าน ควรหยุดรถห่างจากทางรถไฟอย่างน้อย 5 เมตร

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลงและพร้อมที่จะหยุดรถ                           

                                                                       

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง รถมีขนาดกว้างไม่เกิน 2.50 เมตร ให้ผ่านไปได้   

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง รถที่มีความสูงไม่เกิน 2.50 เมตรให้ผ่านไปได้     

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตรายจากรถที่สวนมา เพราะทางข้างหน้าเป็นทางลาดชันทางขึ้นเขา

                                                            

  • เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายทางลงลาดชัน

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าขรุขระมาก เป็นหลุม เป็นบ่อ

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นแอ่ง

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไรขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังการลื่นไถล ทางข้างหน้าลื่นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตราย ทางข้างหน้าอาจมีวัสดุผิวทางหลุดกระเด็น

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังทางข้างหน้าอาจมีหินร่วงลงมาในผิวทาง ทำให้กีดขวางการจราจร

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายสะพานเปิดได้

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายความว่าเปลี่ยนช่องเดินรถตามสัญลักษณ์ในป้าย

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้หมายถึง ผู้ขับขี่ควรขับขี่บนทางขนานเตรียมตัวเข้าทางหลัก

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้หมายถึง ผู้ขับขี่ควรผู้ขับขี่บนทางหลักเตรียมตัวออกทางขนาน ผู้ขับขี่บนทางขนานระวังรถที่จะมาร่วมในทิศทางเดียวกัน

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควร ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังทางข้างหน้าอาจมีรถเข้ามาร่วมในทิศทางเดียวกันจากทางซ้าย

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังทางข้างหน้าอาจมีรถเข้ามาร่วมในทิศทางเดียวกันจากทางขวา

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถชิดไปด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง                                  

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และชิดซ้าย เพิ่มความระมัดระวังทางข้างหน้าเป็นทางร่วมไม่มีเกาะ

                                                           

  • เครื่องหมายนี้หมายถึง ทางข้างหน้ามีที่กลับรถด้านขวา

                                                           

  • เครื่องหมายนี้หมายถึง  ทางข้างหน้ามีที่กลับรถด้านซ้าย

                                                           

                                                           

  • เครื่องหมายนี้หมายถึง  ขับรถให้ช้าลง เดินรถใกล้ขอบทางด้านซ้ายและระมัดระวังอันตรายจากรถที่สวนทางมา

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลงระมัดระวังคนข้ามทาง เพราะทางข้างหน้ามีทางสำหรับคนข้าม ซึ่งมีคนเดินข้ามไปข้ามมาอยู่เสมอ

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเตรียมพร้อมที่จะให้ทางแก่รถด้านหน้าเมื่อถึงป้ายให้ทาง

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควร ขับรถให้ช้าลง ระมัดระวังคนข้ามทาง

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง ระวังเด็กนักเรียน ถ้าเป็นเวลาที่โรงเรียนกำลังสอนควรงดใช้เสียงสัญญาณ

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควร ขับรถช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าอาจมีสัตว์ข้ามทาง

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายระวังเครื่องบิน บินต่ำ

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังทางข้างหน้าอาจมีอันตรายเช่น เกิดอุบัติเหตุทางทรุด

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายถึง เขตห้ามแซง

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลง

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมาย สลับกันไป

                                                           

  • เครื่องหมายนี้ หมายถึง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งไปทางขวา

                                                           

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควร ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังทางข้างหน้าเป็นทางคดเคี้ยวโดยเริ่มไปทางขวา

                                                           

                                                           


หมวด ป้ายแนะนำ

  • เครื่องหมายนี้ หมายถึง เริ่มต้นทางด่วน (ทางหลวงพิเศษ)  

 

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ แสดงว่าทางข้างหน้ามีที่กลับรถ ผู้ขับขี่สามารถกลับรถได้

      บริเวณที่มีป้าย "จุดกลับรถ"     

 

  • เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถให้ช้าลงและระมัดระวังคนข้ามทาง

      ถ้ามีคนกำลังเดินข้ามทางควรหยุดให้คนเดินข้ามทาง

 

  • การขับรถเข้าวงเวียนที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรควรให้รถทางขวามือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
  • การขับรถเลี้ยวบริเวณทางแยกที่มีช่องจราจรมากกว่า 2 ช่องทาง ท่านต้องขับอยู่ในช่องจราจรเดิมตั้งแต่เริ่มเข้าทางแยกจนเลี้ยวเสร็จสิ้น
  • นกรณีที่ท่านขับรถผ่านซอยที่มีรถรอออกจากซอยเป็นจำนวนมาก  ท่านควรเปิดทางให้รถออกจากซอยโดยสลับกับรถทางตรง
  • ทัศนคติและจิตสำนึกในการขับรถอย่างปลอดภัยคือ  ขับรถอย่างมีสติเคร่งครัดวินัยจราจรแสดงออกถึงมารยาทและน้ำใจ
  • เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียวให้ขับเคลื่อนรถไปได้ ผู้ขับรถไม่ควรบีบแตรเร่งรถคันหน้าให้เคลื่อนตัวออกโดยเร็ว
  • เมื่อได้รับสัญญาณไฟเหลือง ผู้ขับรถควรชะลอรถและหยุดรถที่เส้นขาวให้หยุดรถ เพื่อป้องกันการขับฝ่าสัญญาณไฟแดง
  •  เมื่อเห็นคนยืนบนฟุตบาทและแสดงท่าที่จะข้ามถนนตรงทางม้าลาย ผู้ขับรถควรแตะเบรกเตือนให้รถหลังรู้ว่าท่านกำลังจะหยุดรถ และหยุดรถตรงทางม้าลาย
  • เมื่อขับรถเข้าสู่ทางร่วมทางแยก ท่านต้องให้สัญญาณไฟทุกครั้งที่ต้องการเลี้ยวซ้ายหรือขวา
  • เพื่อความปลอดภัยของชีวิต คนขับรถและผู้โดยสารทุกคน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่นั่งตอนหน้าและตอนหลังรถต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ขณะโดยสารไปในรถยนต์ตลอดเวลา
  • การแซงรถอย่างปลอดภัยและไม่เสียมารยาท ผู้ขับรถควรให้สัญญาณไฟก่อนแซง เร่งความเร็วแซงขึ้นไป เว้นระยะห่างก่อนให้สัญญาณไฟขอกลับเข้าช่องจราจรเดิม เร่งความเร็วให้เหมาะสมกับรถที่อยู่ด้านหน้า
  • เมื่อผู้ขับรถคันอื่นให้สัญญาณไฟขอเข้าใช้ช่องจราจรร่วมกับท่าน ท่านควรให้สัญญาณตอบรับโดยชะลอความเร็ว เว้นระยะให้รถคันนั้นสามารถเปลี่ยนช่องจราจรเข้ามาได้อย่างปลอดภัย
  • เมื่อขับรถในช่องจราจรขวาสุด และมีรถด้านหลังขับขึ้นมาด้วยความเร็วสูง ท่านควรให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายและเปลี่ยนไปยังช่องจราจรด้านซ้าย เพื่อให้รถที่มีความเร็วสูงกว่ารถของท่านแซงขึ้นไปอย่างปลอดภัย
  •  เมื่อผู้ขับรถคันอื่นเปิดทางให้ท่านไปก่อนหรือเข้าร่วมใช้ช่องจราจรด้วย ท่านควรก้มหัวขอบคุณ พร้อมกับเคลื่อนรถออกไปหรือเข้าร่วมใช้ช่องจราจรที่ขอเข้าร่วมด้วยความระมัดระวัง
  • การขับรถจี้ท้ายรถด้านหน้าที่ขับช้า พร้อมกับบีบแตรไล่เป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาทและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
  • การใช้ไฟสูงที่ถูกต้องและไม่เสียมารยาท ท่านควรเปิดไฟสูงเพื่อตรวจสอบสภาพถนนและริมถนน เฉพาะเส้นทางที่มืดมากและไม่มีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทางมา และปิดไฟสูงทันทีที่มีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทางมา 
  • การกระทำที่แสดงถึงความมีมารยาทและน้ำใจให้แก่ผู้ใช้ถนนร่วมกัน คือ ไม่หยุดรถบนเส้นทแยงสีเหลืองหรือบริเวณปากซอยและเปิดทางให้รถในเส้นทางอื่นสามารถขับรถผ่านไปได้ในขณะที่รถท่านติดการจราจร
  • เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ผู้ขับขี่ที่มีจิตสำนึกความปลอดภัยและมีมารยาทที่ดี ควรกลับรถที่จุดกลับรถทุกครั้งแม้จะอยู่ไกล  การกลับรถที่จุดกลับรถทุกครั้งแม้จะอยู่ไกล เป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องและแสดงมารยาทที่ดีของผู้ขับรถยนต์
  • เมื่อขับรถเข้าเขตชุมชนที่มีการจราจรติดขัด ผู้ขับรถควรขับช้าๆ โดยระมัดระวังคนเดิน ใช้แตรเมื่อจำเป็นเพื่อเตือนคนเดินถนนหรือรถคันอื่นเท่านั้น
  • ในขณะที่ท่านขับรถและสังเกตเห็นว่าด้านหน้ามีผู้กำลังจะข้ามถนน ท่านต้องลดความเร็วและหยุดรถด้วยความปลอดภัย เพื่อให้คนข้ามถนน
  •  หากมีผู้ขับรถกำลังกลับรถเข้ามาในช่องทางที่ท่านขับรถอยู่ ท่านควรมีใจกรุณาโอบอ้อมอารีให้ทางแก่ผู้กลับรถ
  • ในการขับรถช่วงเวลากลางคืน ท่านควรเปิดไฟต่ำเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าและรถสวนทางมา
  • เมื่อขับรถผ่านช่วงทางโค้ง ทางร่วม ทางแยก ในช่วงเวลากลางคืน ก่อนเข้าโค้งท่านควรกะพริบไฟ และลดเป็นไฟต่ำเมื่อมีรถสวนทาง
  • เมื่อขับขี่รถผ่านชุมชน โรงเรียน หรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ท่านควรชะลอความเร็ว และใช้ความระมัดระวังในการขับขี่
  •  หากในขณะขับรถ ท่านสังเกตเห็นรถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุกหรือรถอื่นๆ ที่ผู้ขับรถมีพฤติกรรมขับรถประมาท น่าหวาดเสียวและอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ท่านควรชะลอรถให้ห่างจากรถคันดังกล่าว และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน
  • การขับรถจี้ท้าย และบีบแตรไล่บนทางด่วนเป็นการขับขี่ที่ไร้ซึ่งมารยาทอย่างมาก
  •  การขับรถในขณะที่อ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือดื่มสุรา เป็นการขับขี่รถที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก  
  •  การขับขี่รถให้เกิดความปลอดภัย ท่านต้องไม่ประมาท มีวินัย และเคารพในกฎจราจร
  •  การขับรถบนทางด่วนที่ถูกต้อง เหมาะสม ท่านไม่ควรขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
  •  ผู้ขับขี่รถที่ดี ต้องขับขี่รถโดยมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง และปฏิบัติตามกฎจราจร
  •  เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากสภาพรถชำรุด ท่านต้องให้ความสำคัญกับการตรวจเช็กรถตามคู่มือประจำรถ
  •  ผู้ขับขี่ที่มีจิตสำนึกความปลอดภัยควรเตรียมความพร้อมทั้งรถและคนก่อนออกเดินทาง 
  •  การขับรถในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักท่านควรลดความเร็ว ขับอย่างระมัดระวัง เปิดไฟหน้ารถและที่ปัดน้ำฝน
  •  การขับรถในทางขึ้นเขา ลงเขา และมีโค้งอันตรายอยู่ตลอดทาง ท่านต้องใช้ความเร็ว และเกียร์ ให้ถูกต้องและเหมาะสม
  •  ก่อนใช้รถท่องเที่ยวในระยะทางไกลๆ ท่านควรศึกษาเส้นทาง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  •  หากมีผู้ขับรถจี้ท้ายรถท่านในช่องทางขวาสุดและบีบแตรไล่หลังทั้งที่ช่องทางด้านซ้ายก็ว่างอยู่ ท่านควรขับรถหลีกทาง โดยเบี่ยงไปทางช่องทางด้านซ้ายอย่างระมัดระวัง
  •  ขณะที่รถติด และรถด้านหน้ารถท่านได้ตัดสินใจใช้ช่องทางไหล่ทางด้านซ้าย และมีรถอื่นแล่นตาม ท่านควรขับรถในช่องทางเดิม
  •  การขับรถด้วยความเร็วไม่เกินที่กำหนด และแซงในกรณีที่จำเป็นต้องแซงเท่านั้น ถือเป็นพฤติกรรมที่ควรปฏิบัติเมื่ออยู่บนถนน
  •  ในขณะที่ท่านขับรถบนทางหลวง ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด อยู่ในเลนขวาสุด มีรถวิ่งตามมาด้วยความเร็วสูง หรือกะพริบไฟสูงจากทางด้านหลังของท่านเพื่อขอทาง ท่านควรเปิดทางหลบให้รถดังกล่าวแซงขึ้นไป โดยเปิดไฟเลี้ยวซ้าย แล้วค่อยๆเบนรถเข้าเลนซ้ายหรือเลนกลาง
  • การเร่งรีบขับขี่ เพื่อให้ถึงปลายทางก่อนที่จะมืด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูง
  •  เมื่อมีผู้อื่นแบ่งปันน้ำใจในการใช้รถใช้ถนนให้ ท่านไม่ควรเปิดไฟสูงแสดงการขอบคุณ ท่านสามารถแสดงความขอบคุณได้โดยโค้งศรีษะ ยกมือขวาขึ้นระดับคิ้ว หรือส่งยิ้มให้
  • ในกรณีที่ท่านขับรถผิดกฎหมาย ผิดกฎจราจร หรือก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้ขับขี่รถอื่น ท่านควรยกมือขวาขึ้นระดับคิ้วพร้อมโค้งศรีษะ เพื่อสื่อให้รู้ว่าทำผิดและขอโทษ
  • การบังคับตัวเองให้ปฏิบัติตามกฎจราจรตลอดเวลาที่ขับขี่ โดยไม่ต้องรอให้ตำรวจจราจรบังคับ เป็นการแสดงถึงจิตสำนึกความปลอดภัยของผู้ขับขี่
  •  ในขณะที่ท่านขับรถอยู่บนถนนและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้านหน้า ท่านไม่ควรขับรถเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุแล้วเหยียบเบรกอย่างรุนแรงเพื่อหยุดรถในทันที แต่ควรให้สัญญาณไฟเบรก ชะลอเบรกให้เหมาะสม เหยียบเบรกค้างให้รถด้านหลังทราบ  
  • การแซงรถคันหน้าได้แล้วปาดหน้าชิดซ้ายทันที เป็นการแซงที่ไม่ปลอดภัยและแสดงถึงความไร้มารยาทของผู้ขับขี่รถ
  • เมื่อรถที่ขับตามหลังมาให้สัญญาณขอแซง มารยาทที่ดีเพื่อแสดงการตอบรับว่ายินยอมให้แซง คือ ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย
  • ผู้ขับรถที่มีจิตสำนึกความปลอดภัย เมื่อขับรถถึงทางร่วมทางแยก จะชะลอความเร็วทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีสัญญาณไฟจราจรหรือไม่
  • ในขณะที่ท่านกำลังขับรถอยู่บนถนน และสังเกตเห็นว่าเบื้องหน้ามีคนกำลังข้ามถนน โดยไม่มีทางม้าลาย ท่านควรชะลอความเร็วแล้วหยุดให้ข้าม
  • หลังจากประสบอุบัติเหตุและรอดชีวิตมาได้ น.ส.ชี เกิดจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและได้ศึกษาหาความรู้หลักการขับขี่ปลอดภัยอยู่เสมอ
  • เมื่อขับรถในทางเลี้ยวไม่ว่าจะอยู่เลนไหน โดยมารยาทเลี้ยวแล้วต้องรักษาแนวให้อยู่ในเลนนั้นก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงจะเปลี่ยนเลนได้
  • ผู้ขับขี่ควรใช้แตรเพื่อป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากรถ
  •  การใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถ จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการเปิดวิทยุฟังเพลงหรือพูดคุยกับคนที่อยู่ในรถ
  •  มารยาทในการขับขี่ที่ผู้ขับรถควรกระทำคือหยุดรถให้คนข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย
  • ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย เป็นสำนวนที่ใช้เตือนใจผู้ขับขี่เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
  • ผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งคนขับ ผู้โดยสารและคนเดินเท้าควรได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกคน
  • เมื่อเห็นคนเดินเท้าข้ามถนนผู้ขับขี่ควรหยุดรถให้คนเดินเท้าผ่านไปก่อน
  •  เมื่อเกิดอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บ  ผู้ขับขี่ควรให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นอันดับแรก
  • การขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากเกินไป จะทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดได้
  • การหยุดรถให้คนข้ามถนนในบริเวณที่มีคนข้ามเป็นการขับรถที่ถูกต้องทั้งกฎจราจรและมารยาทในการขับรถ
  • การขับรถด้วยความเร็วสูงในที่ที่มีการจราจรพลุกพล่าน เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ไม่ควรปฎิบัติ
  •  การเปลี่ยนช่องทางจราจรที่ถูกต้องปลอดภัย ผู้ขับขี่ต้องดูกระจกมองข้าง เปิดสัญญาณไฟแล้วเปลี่ยนช่องทางเมื่อเห็นว่าปลอดภัย
  • การไม่หยุดรถให้คนข้ามทางเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายจราจรและแสดงถึงความไร้น้ำใจ
  • ผู้ขับขี่รถเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด รองลงมาคือสภาพรถ สภาพถนนและสิ่งแวดล้อม 
  • การขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด
  • การขับช้าชิดขวา เป็นพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ควรกระทำ เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุและการจราจรติดขัด
  • การหยุดรถให้คนข้ามถนนเป็นมารยาทที่ดีในการขับรถ
  • การจอดรถขวางหน้าประตูบ้านผู้อื่นโดยปลดเกียร์ว่างและไม่ดึงเบรกมือ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นได้
  • การขับรถแซงคันหน้าในระยะกระชั้นชิด เป็นมารยาทที่ไม่ดีในการขับรถยนต์
  •  คน  รถ  ถนน  สิ่งแวดล้อม เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
  • การเร่งเครื่องก่อนออกรถเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและปลอดภัย นอกจากนี้ยังสิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มขึ้น
  •  การขับรถในเวลากลางคืนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าในเวลากลางวัน เพราะมีทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ไม่ดี
  • การวิ่งตามหลังรถคันหน้าโดยคิดว่าสามารถเปิดไฟสูงได้ เพราะไม่มีผลต่อการขับขี่ของรถคันหน้าเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง  โดยข้อเท็จจริงแล้ว ไฟสูงจากรถคันหลังจะแยงตาคนขับคันหน้าจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมา 
  •  เมื่อมีปริมาณรถสะสมจำนวนมากบริเวณเชิงสะพานข้ามแยกที่จะต้องขับรถผ่าน ท่านควรขับไปต่อท้ายแถวรถที่ติดสะสมอยู่ ไม่ควรแทรกเข้าใกล้เชิงสะพาน
  • เมื่อขับรถในเส้นทางที่มืดมาก ท่านสามารถใช้ไฟสูงเพื่อส่องดูป้ายบอกทางหรือทางข้างหน้าได้เป็นครั้งคราว
  •  เมื่อจำเป็นต้องจอดรถขวางทางคันอื่น ท่านควรปลดเกียร์ว่าง ไม่ใช้เบรกมือ
  •  การขว้างกระป๋องเครื่องดื่มออกนอกตัวรถขณะรถแล่น เป็นพฤติกรรมที่ไร้จิตสำนึกและอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก
  • หากพบรถฉุกเฉินเปิดสัญญาณเสียงไซเรนกำลังวิ่งตามหลัง ผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนช่องจราจรไปทางด้านซ้ายทันทีเมื่อปลอดภัย
  • การใช้สัญญาณแตรเตือนผู้อื่นให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากรถ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง
  • จากรูปข้างล่าง หากท่านกำลังขับขี่เข้าสู่บริเวณทางม้าลายท่านควรลดความเร็วลง

  • จากรูปข้างล่าง รถคันสีแดงควรรอจนกว่าคนเดินเท้าจะเดินผ่านไปแล้วจึงเลี้ยว

 

  • จากรูปข้างล่าง รถคันสีเหลืองควรเลี้ยวซ้ายแล้วกลับรถที่จุดกลับรถ

  • จากรูปข้างล่าง เมื่อท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ท่านควรหยุดรอ

 

  • จากรูปข้างล่าง รถที่อยู่บริเวณทางม้าลาย ควรหยุดรถก่อนถึงทางม้าลาย

 

  • จากรูปข้างล่าง เมื่อรถคันสีเหลืองต้องการที่จะขับตรงไป ควรหยุดรอจนกว่ารถข้างหน้าจะผ่านไป

 

  • การขับขี่ออกจากซอยไปสู่ถนนใหญ่ ท่านควรหยุดรอให้รถในทางหลักและคนเดินเท้าไปก่อน 
  •  จากรูปข้างล่าง ในขณะสัญญาณไฟเขียว หากท่านต้องการจะเลี้ยวขวา แต่ท่านได้ยินสัญญาณรถดับเพลิงมาทางขวามือของท่าน ท่านควรรอให้รถดับเพลิงไปก่อนจึงเลี้ยว

 

  •  จากรูปข้างล่าง ในขณะสัญญาณไฟเขียว หากท่านต้องการจะขับตรงไป แต่ท่านได้ยินสัญญาณรถพยาบาลมาทางขวามือของท่าน ท่านควรหยุดรอรถพยาบาลไปก่อน

 

  •  การจอดรถซ้อนสองดังรูปข้างล่าง แม้เป็นเพียงการจอดชั่วคราว ก็ไม่สามารถจอดได้ เป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายจราจร สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ขับขี่อื่น ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรติดขัด 

  • เมื่อท่านได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนของรถฉุกเฉิน ท่านต้องพยายามเบี่ยงรถของท่านอย่าให้ขวางทางรถฉุกเฉิน 
  •  เมื่อรถที่กำลังทำการแซงเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเข้าสู่ช่องจราจรของท่าน ท่านควรลดความเร็วลง

  • จากสถานการณ์ดังรูปข้างล่าง ผู้ขับขี่ควรหยุดรถให้รถที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาไปก่อน

  •  นักขับขี่รถที่มีวินัยจราจรและมีมารยาทที่ดีจะให้สัญญาณไฟทุกครั้งที่เปลี่ยนช่องจราจร 
  •  หากเห็นคนพิการกำลังข้ามถนน ผู้ขับขี่ควรหยุดรอให้คนพิการข้ามผ่านทางไปก่อน
  •  การเร่งความเร็วเมื่อมีรถแซงมาขนาบข้าง เป็นพฤติกรรมที่ไร้น้ำใจ เสียมารยาทและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขึ้นได้ 
  •  นักขับขี่รถที่มีวินัยจราจรและมีมารยาทที่ดีจะพยายามจอดรถโดยไม่กีดขวางผู้อื่นและไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร
  •  เมื่อมีรถคันหลังกำลังแซงรถของท่าน ท่านไม่ควรเร่งความเร็วเพื่อไม่ให้แซง
  •  การโทรศัพท์ขณะขับรถ จะทำให้สมาธิในการขับรถลดลง
  •  รูปที่ 2 และ 3 ด้านล่าง เป็นการรัดเข็มขัดนิรภัยที่ไม่ถูกต้อง

  • ผู้ขับขี่ที่ดีควรศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง เตรียมสภาพรถและร่างกายให้พร้อม มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะรถสวนกัน หรือขับตามหลังรถคันอื่นหรือเพื่อไล่รถคันหน้า เพราะไฟจะส่องไปเข้าตาผู้ขับคันนั้นทำให้มองไม่เห็นถนน หรืออาจตกใจขับเปลี่ยนเลนหรือเร่งเครื่องหนี ซึ่งอาจก่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
  • การหยุดรถให้คนข้ามถนนในบริเวณที่มีคนข้ามเป็นการขับรถที่ถูกต้องทั้งกฎจราจรและมารยาทในการขับรถ
  • ผู้ขับขี่ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงในที่ที่มีการจราจรพลุกพล่าน
  • ก่อนเปลี่ยนช่องทางจราจร ผู้ขับขี่ควรดูกระจกมองข้าง เปิดสัญญาณไฟแล้วเปลี่ยนช่องทางเมื่อเห็นว่าปลอดภัย
  • ผู้ขับขี่รถควรมีมารยาทในการจอดรถ โดยไม่จอดกีดขวางผู้อื่นและไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร
  • การใช้ไฟสูงหรือไฟขอทางเพื่อไล่รถคันหน้าเป็นการขับรถที่ไร้มารยาท อาจก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทและอุบัติเหตุขึ้นได้
  • รถทุกคันต้องวิ่งตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด
  • ขับรถที่ดีควรมีความรับผิดชอบ มองโลกในแง่ดี มีความอดทนอดกลั้นและให้อภัยผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นเสมอ
  • อุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เกิดจากผู้ขับขี่ รองลงมาคือรถ ถนนและสิ่งแวดล้อม

  • การขับรถขณะฝนตก ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง

 

  • เมื่อเกิดรถเสีย ควรนำรถจอดเข้าข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน

 

  • สัญญาณเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีแดง ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ

 

  • การจับพวงมาลัยรถ นิ้วมือทั้งห้าต้องจับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว

 

  • เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป

 

  • หากเครื่องยนต์ดับขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ให้เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่

 

  • หากกระจกบังลมหน้ารถแตกร้าวขณะขับรถ ให้ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน

 

  •  การขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนก่อนเป็นลำดับแรกการเปิดไฟหน้ารถเมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน      

 เป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง

 

  •  หากขณะขับรถ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรจอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค

 

  • การหยุดรถบนทางลาดชันอย่างปลอดภัย ให้เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง

 

  • การหมุนพวงมาลัยรถขณะจอดรถอยู่กับที่ จะส่งผลให้ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ

 

  • การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) ให้เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)

 

  • รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) จะส่งให้ล้อจะล็อค และรถจะหมุน

 

  • หากยางรถแตกขณะขับรถ พวงมาลัยรถจะหนักและรถจะเอียง

 

  • หากยางรถแตกหรือระเบิดขณะขับรถ ให้คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลง และไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน

 

  •  หากฝากระโปรงหน้ารถเปิดขณะขับรถ ให้ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย

 

  • วิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร คือ ตัดกระแสไฟหรือหาทางตัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน

 

  • การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะส่งผลให้การบังคับพวงมาลัยรถลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉิน    ไม่สามารถใช้คลัทช์และเบรกได้

 

  •  วิธีการตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ คือ กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างรวดเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค

 

  • หากรถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ให้ลดความเร็วรถ จับพวงมาลัยให้มั่น

 

  • การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตปาธ

 

  • การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่ง มีผลเสียทำให้เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ

 

  • การขับรถถอยหลัง ให้ถอยอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง

 

  • การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง คือ ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์

 

  •  หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ให้จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน

 

  • การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือขวาของผู้ขับขี่ควรอยู่ในตำแหน่งเลข 2 และมือซ้ายควรอยู่ในตำแหน่ง                  เลข 10 ของหน้าปัดนาฬิกา

 

  • เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง

 

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังทุกครั้งก่อนถึงทางแยก

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรชะลอรถและให้รถทางขวามือขับผ่านไปก่อน    

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรชะลอรถเนื่องจากรถคันหน้าจะเลี้ยวซ้าย

  • จากรูป หากท่านพบเห็นสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ท่านควรค่อยๆ เหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อเตือนรถข้างหลังระวังและเตรียมหยุด      

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรลดความเร็ว และระมัดระวังรถด้านซ้าย รวมทั้งคนเดิมข้ามถนน  

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อ  

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรหยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและให้รถด้านตรงข้ามผ่านไปก่อน  

 

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน

  • จากรูป หากท่านต้องการขับตรงไป ท่านควรลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา

 

  • จากรูป รถคัน ค.อยู่ในจุดบอดของรถคันสีขาว      

 

  • ผู้ขับขี่จะต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้างก่อนทำการเปลี่ยนช่องจราจร เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา        

 

  • บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ คือความหมายที่ถูกต้องของจุดบอด  

 

  • ถ้าเครื่องดับขณะกำลังเคลื่อนที่ออกจากทางลาดชัน ท่านควรทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล

 

  • การขับขี่ขึ้นหรือลงทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ต่ำ      

 

  • ในการขับขี่ลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อหน่วงความเร็วของรถ          

 

  • ไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชันเพราะ จะทำให้ผ้าเบรกไหม้      

 

  • ในการขับขี่ลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย        

 

  • ขณะขับรถลุยน้ำต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ     

 

  • ท่านควรขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควรขณะขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม

 

  • หลังจากขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ท่านควรทดสอบระบบเบรก           

 

  • ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย คือประโยชน์สูงสุดของการชะลอรถด้วยเครื่องยนต์ในขณะลงทางลาดชัน      

 

  • น้ำฝนจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน จึงลื่นไถลได้ง่ายขณะฝนตกใหม่ๆ            

 

  • การขับรถเร็วและกระแทกเบรกรถอย่างรุนแรง ไม่ควรปฏิบัติเมื่อขับขี่ในขณะฝนตกหนัก      

 

  • สำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืนควรขับให้ช้ากว่าปกติหรือไม่เร็วกว่าสายตาที่มองเห็น       

 

  • หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณเพื่อเตือนให้รถอื่นทราบ   

 

  • หากมีผู้บาดเจ็บหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ท่านควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล        

 

  • รถจะประหยัดน้ำมันหากขับด้วยความเร็วคงที่       

 

  • หากกำลังขับขี่รถอยู่บนถนน แล้วฝนเริ่มตก ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วของรถลง       

 

  • เมื่อขับรถในเวลากลางคืน ผู้ขับขี่ควรทิ้งระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ           

 

  • ก่อนการขับรถเป็นระยะทางไกลๆ  ผู้ขับขี่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ       

 

  • จากสถานการณ์ดังรูป หากต้องการจะเคลื่อนที่ต่อไป ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบความปลอดภัยทางด้านขวา 

  • เมื่อต้องขับรถเข้าใกล้ทางรถไฟที่ไม่มีแผงกั้น ต้องชะลอรถและควรเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถตลอดเวลา

  • เมื่อขับผ่านทางที่มีป้ายเตือนว่า ระวังทางข้างหน้าหินหล่นทับเส้นทางบ่อย”  หรือป้ายเตือนดังในรูป ท่านควรชะลอความเร็วลง ขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น   

 

  • เมื่อพบว่าไฟไหม้เครื่องยนต์ขณะขับรถ ผู้ขับรถควรตั้งสติ ค่อยๆ ขับรถจอดข้างทาง  

        

  • การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด ทำให้รถเปลืองน้ำมัน   

 

  • ความไม่พร้อมของคนขับมีผลต่อการเกิดสถานการณ์อันตรายมากที่สุด  

 

  • การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในขณะฝนตกควรมากกว่าการขับรถในสภาวะปกติ เป็นการขับรถอย่างปลอดภัย

  

  • จากรูป หากท่านต้องการแซงรถข้างหน้าแล้วกลับช่องทางเดินรถด้านซ้าย ท่านจะต้องตรวจสอบความปลอดภัยแล้วเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนแซง  

    

  • เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง เป็นการใช้ไฟฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม      

 

  • รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) จะมีผลทำให้ล้อจะล็อกและรถอาจจะหมุน

 

  • การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) ควรเหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ 

 

  • ใช้เบรกมือช่วยเป็นการหยุดรถที่ไม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน

 

  • การจอดรถซ้อนคัน เป็นการจอดรถลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ     

 

  • ห้ามจอดตามรูป 2. และรูป 3.

 

 

  • หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการที่จะเคลื่อนตัวออก ท่านควรมองดูรถที่ตามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา                     

 

  • เมื่อฝนเริ่มตกหนักในขณะที่ท่านขับรถอยู่ในเขตที่จำกัดความเร็วไม่เกิน  60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่านควรชะลอความเร็วลง 

 

  • การขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป สาเหตุใดต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการชนท้าย                

 

  • การขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากเกินไป จะเกิดปัญหาการจราจรติดขัด

 

  • เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องทิ้งระยะห่างให้เหมาะสมกับความเร็วของรถ          

 

  • เมื่อรถคันหลังขับตามมาในระยะกระชั้นชิด ควรเพิ่มความเร็ว เป็นการขับขี่ที่ไม่ถูกต้อง        

 

  • การเปลี่ยนช่องทางจราจร ควรมองกระจกข้าง ให้สัญญาณแล้วเปลี่ยนช่องจราจรเมื่อเห็นว่าปลอดภัย

           

  • หากท่านเห็นรถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายแต่กำลังเคลื่อนไปทางขวา ท่านควรรักษาระยะห่างไว้และรอให้รถใหญ่เคลื่อนไปในทิศทางที่แน่นอน  


 

 

  • จากรูป รถคันสีเขียว มีสิทธิที่จะได้ไปก่อน

         

 

  • กรณีที่ท่านเห็นรถคันอื่นให้สัญญาณเพื่อเลี้ยวรถหรือเปลี่ยนช่องทางการเดินรถ ท่านต้องชะลอความเร็วและให้ท 

 

  • จากรูป รถคันสีขาวจะต้องให้ทาง        

 

  • รูป 3.แสดงการกลับรถที่ถูกต้อง

          

 

  • การแซงขณะที่รถข้างหลังกำลังจะแซงรถของท่านเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง   

  

  • จากรูป หากรถที่ท่านกำลังจะแซงเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา ผู้ขับขี่ควรชะลอความเร็วและรอจนกว่ารถคันหน้าเลี้ยวผ่านไป 

  • การแซงรถคันหน้าที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกันอย่างถูกต้อง ควรใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขึ้น

 

  • การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้ทัน เป็นการขับรถอย่างปลอดภัย     

 

  • หากท่านขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ท่านรู้สึกว่าเร็วเกินไป ท่านควรชะลอความเร็วลงจนท่านคิดว่าปลอดภัย        

 

  • การเลี้ยวรถที่ทางบังคับเลี้ยว เป็นการขับขี่ในทางลักษณะที่ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยว         

 

  • เปิดไฟสูงขณะที่ไม่มีรถสวนทาง เป็นการเปิดไฟสูงในสถานการณ์ที่ถูกต้อง        

 

  • เมื่อรถของท่านเสียบริเวณกลางถนน ท่านควรเปิดไฟฉุกเฉินและนำรถจอดเข้าข้างทาง      

 

  • เมื่อรถของท่านเสียท่านควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน 

 

  • การเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินตลอดเวลาเพื่อทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ขับเร็ว เป็นการกล่าวที่ไม่ถูกต้อง  

 

  • การหยุดรถในขณะฝนตกจะใช้ระยะทางมากกว่าปกติ          

 

  • การดื่มสุราก่อนขับรถเป็นปัจจัยที่ทำให้การเบรกด้อยประสิทธิภาพ

 

  • หากท่านจอดรถในทางเดินรถหรือบนไหล่ทางในเวลากลางคืน ท่านต้องเปิดไฟหรี่           

 

  • จากรูป เมื่อท่านพบรถประจำทางเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อออกจากป้ายรถเมล์ ท่านควรชะลอความเร็วและให้รถประจำทางไปก่อน        

  • จากรูป หากท่านต้องการแซงบนถนนที่มีรถวิ่งสวนมา ท่านต้องหยุดรอให้รถที่ขับสวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยขับ

 

 

  • ท่านกำลังขับขี่ผ่านบริเวณที่มีรถจอดอยู่ข้างทาง แต่ท่านสังเกตเห็นลูกบอลกลิ้งออกมา ท่านควรลดความเร็วลงและเตรียมที่จะหยุดรถ   

  

 

  • จากรูป สิ่งที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแซง คือรถคันหลังไม่สามารถแซงคันหน้าได้      

  • เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ      

 

  • เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ      

 

  • ในการขับขี่ท่านควรหลีกเลี่ยงการขับขี่เร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด   

 

  • เมื่อท่านขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังแล้ว ท่านควรใช้เท้าแตะเบรกเพื่อให้ผ้าเบรกแห้งเร็ว  

 

  • การขับขี่ผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

 

  • จากรูปรถคันสีเขียวมีสิทธิที่จะผ่านไปก่อน          

  • จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวาที่ทางแยกรูปตัว ท่านจะต้องให้ทั้งรถทางขวาและซ้ายไปก่อน          

  • จากรูป เมื่อท่านขับรถมาถึงทางแยกพบสัญญาณไฟเขียว แต่เกิดจราจรติดขัดในเส้นทางที่ท่านจะสัญจร ท่านควรรอจนกว่ารถข้างหน้าของท่านจะเคลื่อนตัว แล้วจึงขับรถเข้าไปต่อคันหน้า

 

  • จากรูป รถคันสีฟ้าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม        

 

 

  • จากรูป รถคันสีแดงมีสิทธิไปก่อนเมื่อมีสัญญาณให้หยุดทั้งสองทิศทาง 

 

  • หากท่านพบสัญญาณไฟกะพริบสีแดงที่บริเวณทางร่วมทางแยก ท่านต้องหยุดรถหลังเส้นหยุดรถ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงขับผ่านไปด้วยความระมัดระวัง

 

  • หากท่านพบสัญญาณไฟกะพริบสีเหลืองที่บริเวณทางร่วมทางแยก ท่านต้องชะลอความเร็วลง และขับผ่านไปด้วยความระมัดระวัง    

 

  • จากรูป ในกรณีที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรรถคันสีเหลืองมีสิทธิที่จะได้ไปก่อน       

  • จากรูป หากรถคันสีแดง และรถคันสีเหลือง สามารถไปได้ในเวลาเดียวกันหากต้องการจะเลี้ยวขวาในเวลาเดียวกั 

  • การขับด้วยความเร็วที่ต่ำ เป็นการขับขี่ในบริเวณชุมชนที่ถูกต้อง         

 

  • ในการขับขี่ภายในชุมชน ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับป้ายโฆษณาข้างทาง       

 

  • เมื่อขับขี่เข้าใกล้บริเวณทางม้าลายหน้าโรงเรียน ผู้ขับขี่ควรชะลอความเร็วลง                  

 

  • เมื่อขับรถเข้าใกล้บริเวณทางม้าลาย แต่ไม่มีคนข้ามทางม้าลาย ผู้ขับขี่ควรไม่ต้องให้สัญญาณ เพียงชะลอความเร็วลงก็พอ

                      

  • หากท่านกำลังขับขี่เข้าสู่วงเวียน และพบรถขนาดใหญ่ที่กำลังเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายแต่ตัวรถค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางขวา ท่านควรรักษาระยะห่างไว้     

   

  • การขับแซงไปมา เป็นสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติในการขับขี่ผ่านวงเวียน (การขับขี่ผ่านวงเวียน)     

 

  • การลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง เป็นการขับรถเข้าทางโค้งอย่างปลอดภัย  

 

  • หากรถคันสีเหลืองต้องการมุ่งหน้าตรงผ่านวงเวียน  จะต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อออกจากวงเวียนที่ตำแหน่ง จุดที่ 3         

 

  • หากท่านกำลังขับตามหลังคนขี่จักรยาน แต่ท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรชะลอความเร็วจนกว่าจักรยานจะผ่านทางเลี้ย

  • ท่านควรระวังเป็นพิเศษเมื่อพบรถโดยสารจอดอยู่ในถนนฝั่งตรงข้ามผู้เดินเท้าอาจเดินออกมาทางข้างหลังรถโดยสาร       

 

  • กรณีที่รถสีน้ำตาลมาจากทางหลักและรถสีน้ำเงินออกมาจากซอยซึ่งเป็นทางรอง รถคันสีน้ำเงินต้องหยุดให้ทาง  

 

  • ไม่ควรแซงในทางที่มีทัศนวิสัยไม่ดี  ควรประเมินเวลาที่ใช้ในการแซงให้ถูกต้อง  แซงในขณะที่เห็นว่าปลอดภัยแล้วเท่านั้น 

 

  • เมื่อท่านเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองในขณะที่ท่านกำลังจะขับขี่ผ่านทางแยกในเวลาเช้าตรู่ที่ไม่มีการจราจรอยู่ในบริเวณรอบๆ ท่านควรชะลอความเร็วและเตรียมหยุดรถ 

        

  • ในขณะที่ท่านกำลังหยุดรอสัญญาณไฟอยู่ที่ทางแยก แล้วไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ท่านควรตรวจสอบการจราจรรอบๆ ข้างก่อน จากนั้นจึงออกรถ    

  

  • จากรูป ผู้ขับขี่รถคันสีแดงควรมองกระจกข้าง ให้สัญญาณ และเปลี่ยนช่องทางเมื่อปลอดภัย

  • จากรูป ผู้ขับขี่รถคันสีแดงควรระมัดระวังรถรถจักรยานยนต์มากที่สุด     

 

  • ตรวจความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักการขับรถอย่างปลอดภัย  

 

  • หลักการขับรถเข้าโค้งที่ถูกต้องควร ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง เพิ่มความเร็วขณะออกจากโค้ง

 

  • เพื่อความปลอดภัยเมื่อออกรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ประมาณ 3-4 เมตร ควรทดสอบระบบเบรกเป็นอันดับแรก  

 

  • ข้อควรปฏิบัติขณะขับรถขณะฝนตกคือ เปิดไฟส่องสว่าง       

 

  • ถ้าขณะขับรถเกิดยางแตกหรือยางระเบิดควรจับพวงมาลัยให้มั่น แล้วค่อยๆ เบรกและนำรถเข้าข้างทาง

 

  • ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย จึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหัน       

 

  • ขณะขับรถหากเกิดคันเร่งค้างควรตั้งสติ ใช้ปลายเท้างัดคันเร่งขึ้นมา     

 

  • กรณีรถเสียบนทางด่วน ให้เปิดไฟฉุกเฉิน

 

  • การขึ้นและลงเขาให้ใช้เกียร์ต่ำ

 

  • การขับรถอย่างปลอดภัย ต้องไม่ขับรถไปชนคันอื่น ไม่เป็นเหตุให้รถคันอื่นชนกัน ป้องกันไม่ให้รถคันอื่นมาชนเรา 

 

  • ห้ามเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถตามคันหน้าหรือรถที่วิ่งสวนทางมา เพราะจะทำให้ผู้ขับรถคันหน้าและรถที่วิ่งสวนทางมามองทางไม่ชัดเจน           

 

  • การขับรถทางไกลเมื่อรู้สึกว่าตนเองง่วงควร หยุดพัก นอน หรือยืดเส้นยืดสายตามจุดพัก หรือปั๊มน้ำมัน

 

  • การขับรถที่ปลอดภัยในขณะที่ฝนตก ต้องทิ้งช่วงห่างจากรถคันหน้า เผื่อไว้มากๆ  เปิดไฟหน้า ใช้อัตราความเร็วที่ปลอดภัย

 

  • การข้ามทางรถไฟรางคู่ที่ไม่มีเครื่องกั้นเมื่อรถไฟผ่านไปแล้วผู้ขับรถควรระวัง รถไฟที่อาจจะสวนทางมาอีกทางหนึ่ง         

 

  • การขับรถข้ามทางรถไฟที่ไม่มีเครื่องกั้นเมื่อคันด้านหน้าขับข้ามทางรถไฟไปแล้วท่านควร ตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้งก่อนข้ามทางรถไฟ    

 

  • เมื่อท่านขับรถที่มีน้ำหนักบรรทุกมาก ประสิทธิภาพของเบรกจะน้อยลง ระยะเบรกจะยาวขึ้น 

 

  • เมื่อท่านขับรถที่บรรทุกสิ่งของที่มีความสูง จุดศูนย์ถ่วงจะสูงขึ้นทำให้พลิกคว่ำได้ง่าย        

 

  • ความเหนื่อยล้า สภาพถนนที่เปียก น้ำหนักบรรทุก มีผลต่อระยะการเบรกรถ        

 

  • ในการขับรถควรใช้คันเร่งควบคุมในการเร่งและชะลอรถให้มากที่สุด     

 

  • เมื่อรถของท่านจอดเสียกลางถนนหลวง ให้เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินพร้อมไฟหน้ารถ ตั้งสัญลักษณ์แสดงว่ามีรถจอดเสียในระยะ 150 เมตร เปิดฝากระโปรงด้านหน้าและท้ายรถ เพื่อส่งสัญญาณ    

 

  • ก่อนขับรถ ผู้ขับขี่ที่ดีควรเตรียมความพร้อมของตนเอง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ           

 

  • การเตรียมความพร้อมของรถก่อนขับรถ ควรตรวจแรงดันลมยาง,เบรก,น้ำมันหล่อลื่น          

 

  • เมื่อเกิดรถเสีย  ควรเปิดไฟฉุกเฉินนำรถจอดเข้าข้างทาง    

 

  • สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีแดง  เป็นสีที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ        

 

  • การจับพวงมาลัยควรอยู่ในลักษณะที่  นิ้วมือทั้งห้าจับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว    

 

  • เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป          

 

  • ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว  ควรตั้งสติ  เปิดไฟฉุกเฉิน ลดความเร็ว  จอดรถข้างทาง    

 

  • ขณะฝนตกใหม่ๆ รถมักลื่นไถล เพราะน้ำฝนจะกลายเป็นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน  

 

  • ขณะขับรถเมื่อฝนตกหนัก ไม่ควรเบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว         

 

  • เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน  ควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนเป็นลำดับแรก           

 

  • ในขณะขับรถลุยน้ำ  ผู้ขับขี่ควรเร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย  และควบคุมเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ

 

  • หลังจากขับรถลุยน้ำ ผ้าเบรกเปียกมีวิธีแก้ไขให้แห้ง โดยขับรถช้าๆ เหยียบเบรกเบาๆ แล้วปล่อยหลายๆ ครั้ง    

 

  • ขณะขับรถลุยน้ำ สาเหตุที่ต้องเลี้ยงคลัตช์และเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ           

 

  • ควรเปิดไฟหน้ารถ เมื่อฝนตกหนัก เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร 

 

  • การขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ควรขับช้าๆ  ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร          

                       

  • เพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ  ผู้ขับขี่ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 

 

  • ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด คือผู้ขับขี่รถ        

 

  • "นางสมศรีขับรถปฏิบัติตามความพอใจของตัวเอง" เป็นพฤติกรรมการขับรถที่ถือว่าไม่ปลอดภัย         

 

  • ก่อนออกรถจากไหล่ทางด้านซ้าย  ผู้ขับขี่ต้องมองกระจกมองข้างด้านขวา  เปิดไฟเลี้ยวขวา พร้อมกับหันศีรษะมองข้ามไหล่ขวาไปทางด้านหลังก่อนออกรถ             

 

  • ภายหลังออกรถไปประมาณ 3  ถึง  4  เมตร  ควรทดสอบระบบเบรก   

 

  • การขับรถขึ้นทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ต่ำและขับด้วยความระมัดระวัง     

 

  • ในขณะที่ขับรถอยู่  มีกลิ่นเหม็นไหม้  แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรจอดรถในที่ปลอดภัยแล้ว ตรวจเช็ครถในเบื้องต้น

 

  • ขณะขับรถเครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง  ควรหยุดรถที่ปลอดภัย  แล้วปล่อยให้เครื่องเย็นก่อน

 

  • ในการขับรถทางไกล ผู้ขับขี่ควรเตรียมความพร้อมของร่างกาย โดยพักผ่อนให้เพียงพอ     

 

  • การขับรถในทางบังคับเลี้ยว ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยว       

 

  • การหมุนพวงมาลัยรถ  ขณะจอดรถอยู่กับที่จะทำให้ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ       

 

  • การหยุดรถอย่างกะทันหัน  (รถไม่มีเบรก ABS)   ควรเหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)   

 

  • รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (รถไม่มีเบรก ABS)  ล้อจะล็อก  และรถจะไม่สามารถควบคุมได้ 

 

  • ก่อนขับรถเข้าโค้งหรือมุมเลี้ยว  ควรควบคุมความเร็วของรถให้เหมาะสมกับโค้งหรือมุมเลี้ยว 

 

  • ขณะขับรถ ยางรถแตก  จะมีอาการ พวงมาลัยหนัก รถจะเอียง           

 

  • ยางที่หมดอายุจะมีลักษณะมีรอยแตกร้าวตามแนวขอบยาง   

 

  • ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรคุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน      

 

  • ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย   

 

  • เมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือการตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน

 

  • ลมยางล้อหน้าอ่อน จะมีผลทำให้เวลานั่งรู้สึกเหมือนรถจะกระตุกอยู่ตลอดเวลา    

 

  • การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลทำให้บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก

 

  • การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ โดยกระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อก   

 

  • การมองไปยังสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับรถ ไม่ใช่การมองที่ถูกวิธีในขณะขับรถ   

 

  • การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่ง มีผลทำให้เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ      

 

  • การขับรถถอยหลัง ควรถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง      

 

  • การตรวจลมยางควรตรวจขณะที่ยางยังเย็นอยู่      

 

  • การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง คือ ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง -ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์    

 

  • ขณะขับรถเมื่อฝนตกหนัก ไม่ควรเบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว         

 

  • หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรจอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน          

 

  • น้ำหนักบรรทุกเพิ่มมากขึ้น  ทำให้การหยุดรถต้องใช้ระยะทางมากขึ้นจึงสามารถหยุดรถได้  

 

  • ขับรถลงทางลาดชัน ไม่ควรใช้เบรกมือ  

 

  • การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือซ้ายและขวาของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งเลข2  และเลข 10 ของหน้าปัดนาฬิกา

 

  • น้ำหนักบรรทุก สภาพพื้นผิวถนน ความเร็วของรถ มีผลให้ระยะการหยุดรถ (ระยะเบรก) ยาวขึ้น         

 

  • เมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน        

 

  • การฝึกขับรถแบบ ขับไปพูดไป” มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกสมองให้เกิดสมาธิและสมองทำงานสัมพันธ์กับตา         

 

  • เมื่อเราเตรียมขับรถแซงรถคันหน้า เราควรให้สัญญาณไฟก่อน

 

  • ควรเปิดไฟส่องสว่างขณะขับรถฝ่าหมอกควันหรือฝน          

 

  • หลังจากขับรถลุยน้ำ เมื่อเราขึ้นที่แห้งแล้วควรทดสอบเบรกหลายๆ ครั้ง

 

  • ถ้าขณะขับรถเกิดยางแตกหรือยางระเบิดควรถือพวงมาลัยให้มั่น แล้วค่อยๆ เบรกและนำรถเข้าข้างทาง

 

  • ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย จึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุด      

 

  • ห้ามพูดโทรศัพท์ขณะขับรถ  ห้ามหยุดหรือจอดรถคุยกันกลางถนน  ห้ามแซงซ้ายในที่ห้ามแซงซ้าย   

 

  • ท่านควรหมุนพวงมาลัยลักษณะ ใช้ระบบดึง-ดันในการเลี้ยงรถ           

 

  • การขึ้นและลงให้ใช้เกียร์ต่ำ    

 

  • เมื่อเห็นผู้ขับขี่เกิดอุบัติเหตุควรช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเท่าที่จำเป็น        

 

  • สาเหตุที่ห้ามเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถตามคันหน้าหรือรถที่วิ่งสวนทางมา เพราะจะทำให้ผู้ขับรถคันหน้าและรถที่วิ่งสวนทางมามองทางไม่ชัดเจน 

 

  • การขับรถทางไกลเมื่อรู้สึกว่าตนเองง่วงควรหยุดพัก นอน หรือยืดเส้นยืดสายตามจุดพัก หรือปั๊มน้ำมัน 

 

  • เปิดไปฉุกเฉินตลอดเวลา ไม่ใช่วิธีการขับรถที่ปลอดภัยในขณะที่ฝนตก 

 

  • การฝึกขับรถแบบ ขับไปพูดไป” มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกสมองให้เกิดสมาธิและสมองทำงานสัมพันธ์กับตา                     

 

  • เมื่อเราเตรียมขับรถแซงรถคันหน้า เราควรดูกระจกก่อนเป็นอันดับแรก   

 

  • ข้อควรปฏิบัติขณะขับรถฝ่าหมอกควันหรือฝนคือเปิดไฟส่องสว่าง 

                   

  • ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยจึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหัน

 

  • แบตเตอรี่ควรมีฉนวนหุ้มที่ขั้วบวก
  • สาเหตุไฟไม่ชาร์จเข้าแบตเตอรี่เกิดจากไดชาร์จชำรุดหรือสายพานไดชาร์จหย่อนหรือขาด
  • สาเหตุรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากแบตเตอรี่ไม่มีไฟ
  • การตรวจเช็กแบตเตอรี่แบบง่ายๆ ว่ามีไฟปกติหรือไม่ ควรบีบแตรและฟังเสียงว่าปกติหรือเบาลง
  • ผู้ขับขี่ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ
  • วิธีใดเป็นวิธีการแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเกิดไฟลัดวงจร ควรดับเครื่องยนต์และถอดขั้วแบตเตอรี่ออก
  • ถ้าขั้วแบตเตอรี่มีคราบขี้เกลือ วิธีการแก้ไขคือ ใช้น้ำอุ่นล้างและทาจาระบีที่ขั้วแบตเตอรี่
  • ในการถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วขั้วลบก่อน
  • น้ำที่ใช้เติมในแบตเตอรี่ ควรใช้น้ำกลั่น
  • การเติมน้ำกลั่นควรให้อยู่ระหว่างขีดที่กำหนดของแบตเตอรี่
  • ขณะขับรถไฟเตือนสีแดงไม่ควรแสดงอยู่บนแผงหน้าปัด
  • คราบขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่เกิดจากสาเหตุน้ำกรดทำปฏิกิริยากับอากาศ
  • แบตเตอรี่รถยนต์มีหน้าที่เก็บรักษาไฟฟ้าและจ่ายกระแสไฟ
  • แบตเตอรี่รถยนต์จะมีขนาดแรงดันไฟฟ้า12 โวลท์
  • ไดสตาร์มีหน้าที่ทำให้เครื่องยนต์ติด
  • ความตึงของสายพานพัดลมและไดชาร์ทที่ถูกต้องควรมีระยะ 5-15 มิลลิเมตร
  • ขณะขับรถไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่าไฟเตือนสีแดง        แสดงเกิดจากไดชาร์ทชำรุด
  • การเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ควรเติมให้ท่วมแผ่นธาตุประมาณ นิ้ว
  • ไดชาร์จทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าในรถยนต์
  • ท่านควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงรถเครื่องยนต์เบนซินเติมที่มีค่าออกเทนตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ
  • น้ำมันแก๊สโซฮอล์  คือน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล
  • น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีค่าออกเทนสูงสุดคือ ออกเทน 95
  • ในการตรวจเช็กน้ำมันเชื้อเพลิงในห้องเครื่องยนต์เราควรตรวจสภาพของท่อน้ำมันและรอยรั่วซึมเป็นหลัก
  • หากท่านเติมน้ำมันผิดประเภทควรทำการเปลี่ยนถ่ายออกทันที
  • หากท่านตรวจพบว่าท่อน้ำมันเริ่มมีรอยน้ำมันซึมออกมาท่านควรทำการเปลี่ยนท่อใหม่
  • หากรถของท่านเกิดท่อน้ำมันรั่วท่านควรทำการดับเครื่องยนต์และไม่ควรขับรถต่อไปเนื่องจากอาจเกิดไฟไหม้ได้
  • ไม่ควรเติมน้ำมันหล่อลื่นลงไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง
  • เครื่องยนต์เบนซินกับเครื่องยนต์ดีเซลมีข้อแตกต่างกัน คือเครื่องยนต์เบนซินใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด
  • ในกรณีที่รถให้ใช้น้ำมันออกเทน 95 เท่านั้น ถ้าหากเราเติมน้ำมันค่าออกเทน 91 จะมีผลคือ เครื่องยนต์เกิดการสะดุด (น๊อก)
  • ในกรณีที่เติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าในคู่มือ การใช้งานจะไม่มีผลต่อเครื่องยนต์
  • ในขณะที่ท่านเติมน้ำมันเชื้อเพลิงท่านควรดับเครื่องยนต์
  • การตรวจเช็กรอยรั่วซึมระบบเชื้อเพลิงท่านควรใช้จากการสังเกตและการดมกลิ่น
  • หากท่านใช้ก๊าชธรรมชาติ CNG จะมีผลทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าการใช้น้ำมัน
  • น้ำมันเบนซิน E85 หมายความว่ามีส่วนผสมของเอทานอล 85 ส่วน
  • น้ำมันน้ำมัน E85มีการระเหยเร็วมากกว่า น้ำมัน E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมัน95
  • รถเครื่องยนต์ดีเซลหากมีสัญญาณเตือนในระบบกรองดักน้ำ      ท่านควรถ่ายน้ำออกจากกรองดักน้ำ
  • รถเครื่องยนต์ดีเซลหากมีควันดำมากผิดปกติเกิดจากสาเหตุกรองอากาศตัน
  • หน้าที่ของน้ำมันเครื่องไม่สร้างความหนืดให้กลับเครื่องยนต์
  • การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยนต์ ควรต้องเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ด้วย  
  • การตรวจเช็กระดับน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ตรวจเช็กที่ก้านวัดน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์
  • ขั้นตอนก่อนตรวจเช็กและเติมระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ที่ถูกต้องควรจอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังไม่ติดเครื่อง หรือดับเครื่องยนต์อย่างน้อย  10-15 นาที
  • วิธีการสังเกตรอยรั่วซึมของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ โดยสังเกตที่พื้นที่รถจอด และตามรอยต่อ หรือข้อต่อเครื่องยนต์ 
  • หากลมยางล้อหน้าด้านซ้ายอ่อนเวลาขับรถจะมีผล คือพวงมาลัยกินไปด้านซ้าย
  • ถ้าเติมลมยางอ่อนเกินไป จะมีผลกับยาง คือทำให้ดอกยางทางด้านข้างทั้งสองสึกหรอ
  • ถ้าเติมลมยางแข็งเกินไป จะมีผลกับดอกยางตรงกลางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ
  • การตรวจสอบลมยางต้องตรวจอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  • การเติมลมยางที่ถูกต้องควรเติมลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่
  • โดยปกติการสลับยางควรสลับทุกๆ 10,000 กิโลเมตรร 
  • การเติมลมยางให้พอดีตามที่กำหนดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ยางระเบิด
  • ยางมีหน้าที่ช่วยยึดเกาะถนนไม่ให้ลื่นไถล
  • การเติมลมยางสำหรับรถยนต์ ควรปฏิบัติตามคู่มือการใช้รถ
  • ฝาปิดจุ๊บลมยางมีประโยชน์ในการป้องกันลมรั่วซึมและสิ่งสกปรกต่างๆ
  • การเปลี่ยนขนาดยางเล็กเกินไปจะเกิดผลเสีย คือทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักลดน้อยลง 
  • การเปลี่ยนขนาดยางใหญ่เกินไปจะเกิดผลเสีย คือทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
  • จากภาพด้านล่างตัวเลขสองตัวแรก "21" บ่งบอกถึงสัปดาห์ของปีที่ผลิตยาง

  

  • จากภาพด้านล่าง ตัวเลขสองตัวหลัง "13" บ่งบอกถึงปี ค.ศ.ที่ผลิต

  • 195/60 R 14 85H ตัว หมายถึงโครงสร้างยางแบบเรเดียล
  • การตรวจความตึงของสายพานควรใช้มือกดที่กึ่งกลางสายพาน
  • กรองอากาศไม่เกี่ยวข้องกับระบบสายพาน
  • สายพานขาดไม่ใช่สาเหตุของสัญญาณแตรไม่ดัง
  • ขณะท่านขับรถ ถ้าได้ยินเสียงดังของเสียงยางรถเสียดสีกับถนน ถือว่าเป็นเสียงปกติ  แต่ถ้าได้ยินเสียงดังที่เกิดจากเสียงสายพานหย่อย  เสียงที่ดังจากที่ปัดน้ำฝน หรือเสียงคอมเพรสเซอร์แอร์ดัง ต้องรีบนำรถไปตรวจเช็ค 
  • หากท่านไม่นำรถไปตรวจเช็กก่อนใช้งาน ผลเสียที่ตามมาคือ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์จะมากขึ้น
  • ถ้าเกิดเสียงดังแหลมๆ (เอี๊ยดๆ หรือ จี๊ดๆ) ดังจากห้องเครื่อง แสดงว่า สายพานหย่อน
  • หากพบว่าร่องสายพานไม่มี สายพานแตก กรอบหรือสายพานขาดครึ่งเส้นควรจะเปลี่ยนสายพาน แต่ถ้าหากพบว่าสายพานหย่อนไม่ใช่สาเหตุที่ควรจะเปลี่ยนสายพาน
  • เสียงไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉินและไฟถอยเป็นเสียงปกติจากรถ แต่เสียงเบรกดังแสดงว่ารถยนต์ผิดปกติ
  • แหวนลูกสูบหลวม การเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไปและเครื่องยนต์สึกหรอมากเป็นสาเหตุของการเกิดควันไอเสียสีขาว
  • ขั้วแบตเตอรี่หลวม น้ำมันเชื้อเพลิงหมดและมอเตอร์สตาร์ทเสียเป็นสาเหตุของการสตาร์รถไม่ติด
  • เครื่องยนต์ร้อนจัดมีสาเหตุมาจากน้ำในหม้อน้ำแห้ง สายพานพัดลดขาด น้ำมันเครื่องแห้ง เป็นต้น
  • ในขณะขับรถมีไฟเตือนสีแดงรูปแบตเตอรี่ปรากฏขึ้นที่แผงหน้าปัดแสดงว่า ไดชาร์ทชำรุด
  • เบรกมือควรใช้เมื่อหยุดรถขณะติดดไฟแดง จอดรถบนทางลาดฃันหรือหยุดรถบนทางลาดชัน แต่ไม่ควรใช้เมื่อขับรถลงทางลาดชัน
  • เบรกมือควรใช้จอดหรือหยุดรถบนทางลาดชัน 
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรกอย่างรุนแรงเมื่ออยู่ทางโค้ง
  • การกะระยะในการหยุดรถและเบรกอย่างนุ่มนวลเป็นวิธียืดอายุการใช้งานของผ้าเบรก
  • ยางรถยนต์ เกียร์ ระบบช่วงล่าง เป็นอุปกรณ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเบรกรถ 
  • ถ้าไม่ปลดล็อกเบรกมือเมื่อรถเคลื่อนตัวจะรู้สึกว่ารถเร่งความเร็วไม่ขึ้น
  • เบรกเท้าจะทำงานทั้ง ล้อใด
  • สีของน้ำมันเบรกที่มีคุณภาพคือสีเหลืองใส
  • สีของน้ำมันเบรกที่เสื่อมสภาพคือสีดำ
  • เบรกมือใช้ควบคุมล้อคู่หลังของรถ
  • เมื่อเหยียบเบรกแล้วเกิดเสียงดังเป็นเพราะ ผ้าเบรกหมดหรือหมดอายุ
  • ผ้าเบรกจะทำงานเสียดสีกับจานเบรกของรถยนต์
  • หน้าที่ของน้ำมันเครื่องยนต์ คือ ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์
  • หน้าที่ของน้ำมันเครื่องยนต์ ได้แก่ หล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่เพื่อลดการสึกหรอ ทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์
  • การเตรียมความพร้อมของรถยนต์ควรจอดรถยนต์บนพื้นราบและดับเครื่องยนต์ ก่อนการตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์
  • การตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องยนต์ดูได้จากก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์
  • น้ำมันเครื่องยนต์ควรอยู่ในระดับ ซึ่งเป็นระดับน้ำมันที่ดีที่สุด
  • ถ้าระดับน้ำมันเครื่องยนต์สูงเกินไปจะทำให้เกิดแรงดันสูงในห้องเครื่องยนต์ และมีควันขาว
  • ถ้าระดับน้ำมันเครื่องยนต์ต่ำเกินไปจะทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์สึกหรออย่างรวดเร็ว
  • เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถควรตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  • น้ำมันเบรกควรเปลี่ยนทุก ปี
  • คุณสมบัติของน้ำมันเบรก คือ ของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังจากแป้นเบรก
  • การตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์ คือ การดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาตรวจสอบ
  • ขณะขับรถเมื่อรู้สึกว่าพวงมาลัยจะหนักกว่าปกติแสดงว่าระดับน้ำมันเพาเวอร์ต่ำกว่ากำหนด 
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกทุกปี
  • คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องยนต์ ได้แก่ ช่วยหล่อลื่น ลดการเสียดสีและการสึกหรอ ป้องกันการเกิดสนิมในเครื่องยนต์ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
  • การตรวจสอบน้ำมันเครื่องยนต์ กระทำได้หลายวิธี เช่น สังเกตุจากสี ปริมาณและความหนืด สิ่งเจอปน ซึ่งการดมกลิ่นไม่สามารถตรวจสอบได้
  • การเติมน้ำมันเครื่องควรเติมปริมาณเสมอขีดบนของก้านวัด
  • หม้อน้ำรถยนต์มีหน้าที่ระบายความร้อนของเครื่องยนต์
  • การเติมน้ำในหม้อพักน้ำควรเติมให้อยู่ระหว่าง Full กับ Low  
  • อุณหภูมิเครื่องยนต์ที่ทำงานปกติควรอยู่ระหว่าง 80 -95 องศาเซลเซียส
  • ถ้าเครื่องยนต์ร้อนจัดควรเติมน้ำเมื่อเครื่องยนต์เย็นลง เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน ปิดแอร์ เปิดหน้าต่างและจอดรถ  แต่ไม่ควรเอาน้ำราดลงไปที่เครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์เย็น
  • ถ้าพัดลมหม้อน้ำเสียจะทำให้อุณหภูมิของน้ำและเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น
  • พัดลมหม้อน้ำมีหน้าที่ช่วยระบายความร้อนของหม้อน้ำ
  • ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำในกรณีเครื่องร้อนจัด
  • สภาพท่อยางหม้อน้ำเมื่อบีบแล้วมีความยืดหยุ่นแสดงว่ายังใช้งานได้ดี
  • ปั๊มน้ำรถยนต์มีหน้าที่ทำให้น้ำหมุนเวียนจากเครื่องไปยังหม้อน้ำแล้วไหลกลับเข้าเครื่องยนต์
  • การตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำก่อนใช้งานทุกวันคือวิธีป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนจัด 
  • การตรวจสอบลมยางล้อรถ จะต้องตรวจสอบทั้งสี่ล้อและล้ออะไหล่
  • อุปกรณ์ที่จำเป็นควรมีไว้ติดรถ ได้แก่ แม่แรง ไฟฉาย อุปกรณ์ดับเพลิง ยางอะไหล่ เป็นต้น
  • การตรวจเช็กรถก่อนใช้งาน ได้แก่ ตรวจการชำรุดของสัญญาณไฟโดยการเปิดไฟกระพริบรอบตัวรถ ตรวจวัดแรงดันลมยางเป็นประจำ เป็นต้น
  • การตรวจเช็กและบำรุงรักษาอุปกรณ์รถยนต์ ได้แก่ เติมน้ำมันเครื่องโดยเติมให้อยู่ระดับบนเสมอ  ควรใช้น้ำกลั่นเติมลงในแบตเตอรี่ทุกครั้ง ควรตรวจสอบการรัดตรึงของหัวขั้วแบตเตอรี่ให้มีสภาพพร้อมใช้งานเสมอ
  • การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบหลังดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 10 นาที
  • ในการถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วลบก่อน 
  • .ระดับของน้ำมันเบรก หากอยู่ในระดับที่ต่ำจะมีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุ 
  • ไม่ควรเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำให้เต็มถัง เพราะต้องสำรองเนื้อที่ในการขยายตัวของน้ำเมื่อเกิดความร้อน
  • ข้อควรปฏิบัติขณะขับรถ  ได้แก่ ฟังเสียงเครื่องยนต์ทุกครั้งว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ควรอุ่นเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ตรวจสอบระบบส่งกำลังทุกครั้งว่าใช้งานได้อย่างปกติหรือไม่ 
  • การตรวจสอบลมยางที่ถูกต้องควรใช้เครื่องวัดลมยาง
  • สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดหรือติดยาก ได้แก่ แบตเตอรี่มีไฟไม่เพียงพอ น้ำมันเชื้อเพลิงหมด ฟิวส์ขาด เป็นต้น
  • การตรวจสอบลมยางที่ถูกต้องจะต้องทำเมื่อยางล้อรถมีอุณหภูมิต่ำ
  • น้ำกลั่นแห้งบ่อยครั้งจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานน้อยกว่าปกติ
  • หม้อน้ำซึมสังเกตุได้จากการพบคราบน้ำยาหล่อเย็นบริเวณจุดที่ซึม
  • หากจะเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำ ไม่ควรเติมน้ำบาดาล
  • วิธีการตรวจสอบความตึง-หย่อนของสายพานเครื่องยนต์เบื้องต้น สามารถทำได้โดยใช้นิ้วมือกดสายพานเครื่องยนต์
  • การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในรถยนต์ ควรตรวจสอบไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา และไฟหน้าสูงต่ำ-ไฟหรี่-ไฟเบรก-ไฟส่องป้ายทะเบียนรถ
  • การเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำ ควรอยู่ระหว่างเกณฑ์สูง-ต่ำ ที่กำหนดไว้ข้างถังพักน้ำ
  • สาเหตุที่ไม่ควรเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำให้เต็มถัง เพราะต้องสำรองเนื้อที่ในการขยายตัวของน้ำเมื่อเกิดความร้อน

รูปภาพจราจร

  • จากภาพผู้ขับรถคัน ก.ซึ่งต้องการขับรถตรงไป ต้องหยุดรอให้รถคัน ข.ขับผ่านไปก่อน

 

 

  • จากภาพริมทางเดินที่มีเครื่องหมายจราจรบนพื้นทางสีขาวสลับแดง ห้ามผู้ขับขี่หยุดหรือจอดในบริเวณนั้นโดยเด็ดขาด

 

 

  • จากภาพ รถคัน ข. มีสิทธิใช้ทางได้ก่อน เนื่องจากอยู่ในทางเอก

 

  • จากภาพ ผู้ขับขี่รถคัน ก.ต้องการจะขับรถตรงไป ต้องหยุดรอให้รถคัน ค.ขับผ่านไปก่อน 

 

 

  • จากภาพเมื่อผู้ขับขี่รถขับถึงทางแยกที่มีเครื่องหมายให้ทาง (แสดงว่าเป็นทางรอง) จะต้องหยุดรถและรอให้รถในทางขวางหน้าซึ่งเป็นทางเอกขับผ่านไปก่อน

 

 

  • ากภาพเมื่อผู้ขับขี่รถขับถึงทางแยกที่มีเครื่องหมายหยุด (แสดงว่าเป็นทางรอง)จะต้องหยุดรถและรอให้รถในทางขวางหน้าซึ่งเป็นทางเอกขับผ่านไปก่อน

 

  • ภาพต่อไปนี้เป็นภาพที่แสดงการจอดรถอย่างถูกต้อง

  

            เนื่องจากจอดในบริเวณจุดจอดรถที่จัดไว้และอยู่ในเส้นแบ่งจุดจอดอย่างเป็นระเบียบ ไม่จอดริมถนนที่ขอบทางที่แสดงการห้ามจอด หรือในบริเวณที่กีดขวางการจราจร หรือบริเวณป้ายรถประจำทาง

 

  • ภาพด้านล่างต่อไปนี้ แสดงการจอดรถไม่ถูกต้อง

       

     

            ห้ามจอดรถบริเวณริมขอบทางสีดำ-ขาว หรือ แดง-ขาว หรือ เหลืองขาว ห้ามจอดรถในทิศทางฝั่งตรงข้าม ห้ามจอดบริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง  ห้ามจอดบริเวณใกล้ทางแยก

 

  • ภาพด้านล่างต่อไปนี้ แสดงการหยุดรถที่ไม่ถูกต้อง เพราะหยุดบนเส้นทแยงห้ามหยุดรถ ที่กำหนดขึ้นเพื่อมิให้กีดขวางการจราจรรถคันอื่น และหยุดบริเวณห้ามหยุดรถ (ขอบทางสีดำ-ขาว)

                         

 

 

  • ภาพข้างล่างต่อไปนี้ แสดงการหยุดรถที่ถูกต้อง เนื่องจากหยุดรถบริเวณที่ไม่มีเครื่องหมายห้ามหยุด และหยุดรถก่อนถึงบริเวณทางข้าม

          

           

  •  ภาพด้านล่างต่อไปนี้เป็นภาพที่แสดงการเลี้ยวรถที่ถูกต้อง

            

            การเลี้ยวรถที่ถูกต้อง โดยรถที่ต้องการเลี้ยวขวาวิ่งอยู่ในช่องจราจรตรงไปหรือเลี้ยวขวาได้และให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนที่จะเลี้ยว

 

  •  ภาพด้านล่างต่อไปนี้เป็นภาพที่แสดงการเลี้ยวรถที่ไม่ถูกต้อง

           

 

  •  ภาพด้านล่างนี้แสดงกระแสจราจรที่ถูกต้อง เนื่องจากเส้นสีเหลือคือเส้นแบ่งกระแสทิศทางจราจร และบริเวณเส้นสีเหลืองเป็นเขตปลอดภัย รถทั้งสองคันปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่เข้าไปขับในเขตปลอดภัย ซึ่งกฎหมายกำหนดพื้นทีไว้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับคนเดินถนนหรือกรณีรถจอดเสีย และขับในทิศทางจราจรที่ถูกต้อง

              

 

  • จากภาพ รถคัน มีสิทธิ์ขับผ่านไปได้ก่อน เพราะตามกฎหมายจราจรกำหนดให้รถที่มาถึงทางแยกพร้อมกัน รถที่อยู่ช่องจราจรทางด้านขวาต้องหยุดให้รถที่อยู่ช่องจราจรทางด้านซ้ายไปก่อน

            

 

  •  จากภาพ เมื่อผู้ขับขี่ขับรถผ่านเครื่องหมายแบ่งช่องจราจรบนพื้นทางด้านขวาที่เป็นเส้นทึบ ผู้ขับขี่ห้ามแซงเข้าไปในทางเดินรถทางด้านขวาโดยเด็ดขาด

           

 

  •  ในทางร่วมทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ ถ้าขับรถมาถึงพร้อมกันรถคัน ข. มีสิทธิ์ขับผ่านไปได้ก่อน

            

 

 

  • จากภาพ รถคัน ก.จะต้องหยุดรถเพื่อให้รถจากทางด้านซ้ายขับผ่านไปก่อน

            

 

  • จากภาพ ผู้ขับขี่รถคัน ข.สามารถขับรถแซงผ่านขึ้นหน้ารถคันอื่นได้ เพราะขับอยู่ทางด้านเครื่องหมายจราจรเส้นประที่สามารถแซงหรือเปลี่ยนช่องจราจรได้

            

 

  •  เมื่อผู้ขับขี่ต้องการเลี้ยวขวาและมีรถทางตรงวิ่งสวนทางมา ผู้ขับขี่ต้องหยุดรอให้รถทางตรงสวนมาก่อนจึงเลี้ยวขวาได้

 

  •  กรณีมีรถเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาพร้อมกันในเส้นทางเดียวกัน ผู้ที่จะเลี้ยวซ้ายต้องหยุดให้ทางแก่รถที่เลี้ยวมาจากทางขวาก่อน

 

  •  กรณีที่เราเห็นรถคันอื่นให้สัญญาณจะเลี้ยวรถหรือเปลี่ยนช่องทางการเดินรถ เราจะต้องชะลอความเร็วและให้ทางแก่เขาไปก่อน 

การรับรู้สถานกราณ์อันตราย

  • รถยนต์ ก. และรถยนต์ ข. วิ่งมาถึงทางแยกพร้อมกัน  และเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวกัน  ดังรูป ต้องถือว่ารถยนต์คัน ก. เป็นฝ่ายผิด  เนื่องจากบริเวณทางแยกลักษณะนี้ ต้องให้รถที่อยู่ด้านขวาไปก่อน

  •  รถ ก. ข. และ ค. เลี้ยวซ้ายพร้อมกันดังรูป ถือว่า รถยนต์คัน ก. และรถยนต์คัน ค. กระทำผิดกฎหมาย

 

  •  หากท่านประสงค์จะขับรถเข้าซอยทางซ้าย ด้านหน้ารถโดยสารประจำทาง ท่านต้องหยุดรอ ให้รถโดยสารประจำทางออกไปก่อน จึงเลี้ยวเข้าซอย 

  • หากท่านขับรถคัน ก. ออกจากห้างสรรพสินค้า  ซึ่งมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าห้างดังรูป  ท่านจะต้องหยุดรถบริเวณทางออก ดูรถด้านขวามือ ถ้าไม่มีรถวิ่งมาก็ดูรถด้านซ้ายมือว่ามีรถมาจอดต่อท้ายรถโดยสารประจำทางหรือไม่ ถ้าด้านซ้ายมือไม่มีรถก็ขับรถออกไป    

  • จากรูปเป็นการชนประสานงากันระหว่างรถคัน ก และ รถคัน ข   รถ ก. ผิด เพราะแซงด้านซ้าย  ส่วนรถ ข. ผิดเพราะขับรถย้อนศร

        

  •   สมมติท่านขับรถคัน ก.  ในระหว่างที่ขับรถอยู่นั้นรถในช่องทางด้านขวามือของท่านตั้งแต่รถคัน ข. ลงมา อยู่ ๆ ก็หยุดรถท่านเห็นรถในช่องขวามือของท่านหยุด ท่านต้องหยุดรถพราะคาดว่าทางข้างหน้าอาจจะมีคนข้าม

  •   ท่านขับรถตามหลังรถโดยสารประจำทาง  เมื่อถึงป้ายรถเมล์  รถโดยสารประจำทางจอดให้ผู้โดยสาร ท่านควรหยุดรถหลังรถโดยสารประจำทางเพราะอาจจะมีคนโดยสารรถประจำทางเดินตัดหน้ารถโดยสารประจำทาง

  •   เมื่อท่านขับรถยนต์ไปในทางโค้งด้านขวา รถเสียหลักหลุดโค้งออกไปด้านซ้ายลงข้างทางไปชนเสาไฟฟ้า ถือว่าท่านกระทำผิดกฎหมายจราจรทางบก เนื่องจากไม่ชะลอความเร็วของรถเมื่อขับรถในทางโค้ง

 

  •  เมื่อท่านขับรถที่มุ่งหน้าเข้าหาหน้าผาของภูเขาสูง  แสดงว่าถนนที่ท่านกำลังขับรถอยู่นั้นจะต้องเป็นทางโค้งขวาหรือโค้งซ้าย

  •  ท่านเห็นรถ ก. ชนกับรถ ข. อย่างแรงจนรถทั้ง 2 คันพังยับเยินผู้ขับรถทั้ง 2คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตรงบริเวณสามแยก  โดยเห็นว่ารถ ข. วิ่งออกจากซอย ชนกับรถ ก. ที่วิ่งมาบนถนนสายหลัก  ดังรูป

 ถือว่าผิดทั้งคู่ เพราะผู้ขับรถ ก. ไม่ลดความเร็วเมื่อขับรถผ่านทางร่วมทางแยก และผู้ขับรถ ข.  ไม่ให้รถที่มีสิทธิ์ผ่านไปก่อน

 

  • เมื่อท่านจะขับรถออกจากปากซอย ดังรูป ท่านควรหยุดรถที่ปากซอยก่อนแล้วรอจังหวะเลี้ยวออกไป

  • ท่านขับรถคัน ก.  เมื่อท่านขับรถถึงบริเวณสี่แยกที่ไม่มีไฟสัญญาณจราจร ท่านควรหยุดรถก่อนเมื่อถึงทางแยก

 

  •  ในขณะที่ท่านกำลังขับรถเลี้ยวขวา ดังรูป ท่านเห็นว่าเบรกไม่ทันรถของท่านจะชนรถคันหน้า จะหักพวงมาลัยรถไถลลงข้างทางไปชนต้นไม้ ถิอว่าผิดกฎจราจรเพราะไม่ลดความเร็วของรถเมื่อขับผ่านทางร่วมทางแยก

  •  ขณะที่กำลังขับรถอยู่  มีสุนัขวิ่งตัดหน้ารถ ท่านหักหลบสุนัขลงข้างทาง ถือว่าท่านขับรถไม่เป็น

 

  •   ท่านขับรถคัน ก.  เหตุการณ์ต่อไปนี้  ท่านเป็นฝ่ายกระทำผิดเพราะแซงอย่างผิดกฎหมาย

  •  ท่านขับรถคัน ข.  จากรูปรถของท่านถูกรถของนาย ก. คัน ก. ชนบริเวณสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร  ถือว่าคัน ก เป็นฝ่ายผิด  เพราะกลับรถในบริเวณทางร่วมทางแยก

  •   รถของท่าน (คัน ข.) ชนกับรถของนาย คัน ก.  ตรงบริเวณที่ท่านกำลังเลี้ยวขวาเข้าซอย ดังรูป  (รูปภาพ) ท่านเป็นฝ่ายผิด เพราะขับล้ำเข้าในช่องทางรถสวน

  •   สมมติว่าในขณะที่ท่านรอข้ามถนนได้เห็นเหตุการณ์รถตู้ส่งของมีคนนั่ง 2 คนถูกรถเก๋งชนท้าย

ด้านขวา  ทำให้รถตู้หมุน 3 รอบ คนขับรถตู้กระเด็นออกจากตัวรถ ศีรษะฟาดพื้นถนนเสียชิวิต

คนขับรถตู้กระเด็นออกจากตัวรถเนื่องจากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

 

  •  สมมติว่า นาย ก. มีโปรแกรมขับรถตู้พาครอบครัวจากกรุงเทพฯไปท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยออกเดินทางในเวลา 02.00 น.  คาดว่าจะไปถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนในเวลาประมาณ 20.00 น.

เมื่อขับรถติดต่อกันเป็นเวลา 12 ชั่วโมง  ปรากฏว่ารถเสียหลักแฉลบลงข้างทางชนต้นไม้  เป็นเหตุ

ครอบครัวของนาย ก.ได้รับบาดเจ็บหลายคน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจเนื่องมาจาก นาย ก. หลับใน หรือไม่ชำนาญเส้นทาง

 

  •  การถูกรถในช่องทางขับข้ามเกาะกลางมาชนประสานงาเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับรถที่ขับช่องขวาสุด

 

  • เมื่อท่านจะขับรถผ่านบริเวณที่เป็นสี่แยกเล็ก ๆ ดังรูป เหตุการณ์ต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้

 


view

สอบใบขับขี่+กฏหมายด้วยรถยนต์

เครื่องหมายจราจรต่างๆ

เทคนิคการขับรถเกียร์ธรรมดา

กฎหมาย ตำรวจจราจรกับการยึดใบขับขี่

ความรู้เกี่ยวกับกฎจราจร

เทคนิคการขับรถเกียร์ออโต้

วิธีขับรถเกียร์ออโต้ vios+ขับรถเกียร์ออโ

view